สวัสดีครับ วันนี้ “ลุงจี๊ด” จะมาเล่าประสบการณ์ Unseen Japan ที่คิดว่าน้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้มาลองแบบผม หลาย ๆ ท่านเวลาที่มาญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็คงจะทำการจองที่พักตามโรงแรมบ้าง หรือ air bnb บ้าง แต่สำหรับบทความนี้ ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปเปิดประสบการณ์การนอนที่วัดในญี่ปุ่นกันครับ ซึ่งวัดที่ไปนอนก็ไม่ไก่กานะครับ บรรยากาศก็เหมือนกับโรงแรมดี ๆ นี่เลย ก่อนที่หลาย ๆ คนจะจินตนาการไปต่าง ๆ นา ๆ เอาล่ะครับ ไปลองอ่านบทความที่เป็นประสบการณ์ตรงของผมเองที่มีโอกาสได้มานอนที่วัดถึง 2 ครั้ง 2 ครากันเลยดีกว่า ผมหวังว่าทุกท่านก็คงจะได้ประโยชน์จากบทความนี้กันนะครับ …
ศาสนาพุทธในประเทศญี่ปุ่น
หลาย ๆ ท่านที่มาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นก็คงต้องเคยไปเที่ยววัดในพุทธศาสนาเช่น วัดนิกายเซน หรือศาลเจ้าชินโต กันมาบ้างแล้วนะครับ พุทธศาสนานั้นเข้ามาสู่ญี่ปุ่นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 จากประเทศจีน ผ่านมาทางประเทศเกาหลีเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตรงกับสมัยอาซุกะ (ปัจจุบันเป็นเมืองในจังหวัดนารา) และขยายสู่เมืองนาราซึ่งเคยเป็นเมืองหลวง และจากนั้นก็มีการสร้างวัดเพื่อเผยแผ่ศาสนาไปทั่วญี่ปุ่น จนถึงสมัยเฮอันซึ่งมีเกียวโตเป็นเมืองหลวง มาสู่สมัยคามาคุระและจนมาถึงสมัยเอโดะที่มีโตเกียวเป็นเมืองหลวงจนถึงปัจจุบันทุกท่านคงสังเกตได้ว่าวัดในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะมีอายุหลายร้อยปี ภายในวัดก็จะมีอาคารไม้เก่าๆ มากมายอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี่ล่ะครับ
ส่วนผมเองก็นึกสนุกขึ้นมาว่า ถ้าเราได้ลองไปนอนในวัดที่ญี่ปุ่นดูบ้างมันจะเป็นไปได้หรือเปล่า ผมก็เลยไปค้นข้อมูลดูก็พบว่ามันเป็นเรื่องปกติในญี่ปุ่นครับ ที่ฆราวาสแบบเรา ๆ ก็สามารถไปนอนวัดได้ แต่วัดที่ญี่ปุ่นจะเป็นเหมือนวัดที่ไทยไหมเราตามไปดูกันครับ
Shukubo Temple วัดที่มีบริการให้คนธรรมดาเข้าไปพักแรมได้
หลังจากที่ผมได้หาข้อมูลและผมก็ได้ไปพบกับคำว่า “ชูคูโบะ (Shukubo)” นั่นก็คือ การที่คนธรรมดาจะเข้าไปพักในวัดเพื่อประกอบศาสนกิจ สวดมนต์และพร้อม ๆ กับการชมสถานที่อันงดงาม ในบรรยากาศอันเงียบสงบภายในวัดที่มีอายุเก่าแก่ ซึ่งขณะนี้ในประเทศญี่ปุ่นก็จะมีวัดที่เปิดให้บริการแบบนี้ โดยเฉพาะในเมืองที่มีวัดตั้งอยู่หลายแห่ง เช่น โคยะซัง (Koyasan) ในจังหวัดวาคะยามะ, จังหวัดทตโทริ และจังหวัดบนเกาะชิโคคุ ที่ชาวญี่ปุ่นจะเดินทางแสวงบุญให้ครบ 88 วัด หรือที่เรียกว่าชิโคคุ เฮนโระ (Shikoku Henro,四国遍路)
ซึ่งแต่ละวัดที่มีการรับฆราวาสเข้าพักก็จะมีกิจกรรมที่อนุญาตให้แขกผู้มาพักสามารถเข้าร่วมได้เช่น การสวดมนต์ช่วงเช้า การฝึกคัดพระไตรปิฎกเป็นอักษรคันจิโดยการใช้พู่กันและหมึกจีน ที่จะหาโอกาสเปิดประสบการณ์ลองกิจกรรมแบบนี้ได้ค่อนข้างยาก ซึ่งผมก็ได้มีโอกาสไปนอนวัด 2 ครั้ง คือที่วัดคันโชอิน ซันราคุโซะ (Kansho-in Sanrakuso, 宿坊 観證院 山楽荘 ) ที่เมืองไดเซน จังหวัดทตโทริ และวัดเฮนโจซอนอิน (Henjoson-in ,遍照尊院) บนภูเขาโคยะ จังหวัดวาคะยามะ ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ สำหรับตัวผมเองเลยล่ะครับ ลองอ่านกันได้จากด้านล่างนี้เลย
1. วัดคันโชอิน ซันราคุโซะ (Kansho-in Sanrakuso, 宿坊 観證院 山楽荘 )
วัดนี้ตั้งอยู่ใกล้กับวัดไดเซนจิและภูเขาไดเซน จังหวัดทตโทริ เนื่องจากวัดไดเซนจิไม่มีการรับฆราวาสให้นอนในวัด ผมจะปีนเขาไดเซนจึงจองห้องพักที่วัดแห่งนี้ ภูเขาไดเซนมีความสูงประมาณ 1,900 เมตร แต่ในวันนั้นเดินไม่ถึงยอดเขา ไปได้แค่ 1,800 เมตรเพราะมีฝนตกลมแรง มีหมอกลงจัด เลยไม่มีภาพวิวสวย ๆ จากยอดเขาไดเซนมาให้ชม ชมภาพบรรยากาศป่าที่เขียวชะอุ่มและหมอกลงไปพราง ๆ ก่อนนะครับ
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-1-ป่าบนเขาไดเซน_1batch.jpg)
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-2_1batch.jpg)
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-3-ป่าเขาไดเซน_1batch.jpg)
วันที่ผมไปพักที่วัดแห่งนี้นั้นผมเป็นแขกคนเดียวของวัด วัดเงียบมากและกลางคืนมืดสนิท มีแต่เสียงฝนและลมพัดแรงกระแทกกระจกเป็นระยะๆ คนที่คอยอำนวยความสะดวกให้ผมระหว่างพักที่นี่ก็คือ พระและภรรยาของพระ ใช่ครับ ! พระญี่ปุ่นมีภรรยาได้ครับ ไม่ต้องโกนคิ้ว ทั้ง 2 ท่านให้การบริการและคอยอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-5-คัดพระไตรปิฎก_1batch.jpg)
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-10_1batch.jpg)
อาหารที่จัดให้ในวัดก็เป็นอาหารเจทั้งหมด ผักต่างๆ พระท่านบอกว่าเป็นผักที่เก็บมาจากป่ารอบ ๆ ทำเป็นผักดอง และเทมปุระ ซุปในหม้อนาเบะก็ทำจากเต้าหู้ในท้องถิ่น เห็นการจัดเตรียมอาหารสำหรับแขกที่มีเพียงคนเดียวแล้ว ก็ยังคงมีความละเอียดอ่อนพิถีพิถันมาก
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-6-ห้องอาหาร_1batch.jpg)
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-7_1batch.jpg)
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-8-_1batch.jpg)
ที่พักแห่งนี้เจ้าชายนารุฮิโตะมกุฏราชกุมารของญี่ปุ่นก็เคยเมื่อเยือนเมื่อหลายสิบปีก่อนด้วยเช่นกันครับ
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-9-มกุฏราชกุมาร_1batch.jpg)
เว็บไซต์ : Sanrakuso
พิกัดจาก Google map:
การเดินทางไปภูเขาไดเซน วัดไดเซนจิและวัดซันราคุโซะ
ใช้บริการรถไฟ JR ลงที่สถานีโยนาโกะ (Yonago) หรือสถานีไดเซนกุชิ (Daisenguchi) จากนั้นนั่งรถบัสไปภูเขาไดเซน ใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที ผมเลือกลงที่สถานีโยนาโกะ และไปรอขึ้นรถบัสที่ชานชลาหมายเลข 4 บริเวณหน้าสถานีรถไฟ
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-11_1batch.jpg)
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-12_1batch.jpg)
การจองที่พักรอบภูเขาไดเซน
สามารถจองผ่านเว็บไซต์ต่างๆ ได้ นอกจากวัดคันโชอิน ซันราคุโซะ ก็ยังมีโรมแรมเล็กๆ บริเวณรอบ ๆ อีกหลายแห่งเลยครับ หรือลองดูที่เว็บไซต์นี้ก็ได้ Terahaku
ฤดูที่แนะนำ
ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ไม่ควรไปช่วงฤดูร้อน หรือปลายฤดูไม้ไม้ผลิ เพราะจะมีฝนตก ผมเดินทางไปปลายเดือน พฤษภาคม เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิจึงมีฝนตกครับ
2.วัดเฮนโจซอนอิน (Henjoson-in ,遍照尊院)
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาโคยะ จังหวัดวาคะยะมะ หลายท่านคงจะรู้จักภูเขาโคยะว่ามีวัดตั้งบนภูเขานี้หลายร้อยวัด ภูเขาแห่งนี้มีพุทธศาสนานิกายชินงอน ซึ่งท่านคูไคหรือโคโบะ ไดชิ ท่านเป็นพระนักปฏิบัติที่เป็นผู้สร้างนิกายนี้และบุกเบิกสร้างวัดบนภูเขาโคยะตั้งแต่สมัยเฮอัน เวลามาเที่ยวภูเขาโคยะ ก็มักจะเห็นรูปของท่าน ที่มือขวาถือวชิรา และมือซ้ายถือลูกประคำ
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-13-Kookai_1batch.jpg)
ภายในวัดแห่งนี้จะจัดแบ่งบริเวณที่ให้นักท่องเที่ยวพัก ห้องพักเป็นห้องพักแบบเรียวกัง มีสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักครบ มีทั้งห้องน้ำในตัวและห้องแช่ออนเซนรวมก็เลือกเอาตามชอบ วัดแห่งนี้มีขนาดใหญ่มีความแตกต่างจากวัดแรกที่ผมไปพักมาก อาหารที่ให้บริการก็จะเป็นอาหารเจเช่นเดียวกันรวมทั้งมีสาเกให้แขกสั่งดื่มได้ ผู้ที่คอยให้บริการอำนวยความสะดวกก็คือ พระในวัดนั่นเองครับ
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-15-Hen-so-jon-nice_1batch.jpg)
การพักที่วัดเฮนโจซอนอิน ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมพิธีสวดมนต์ช่วงเช้าเวลา 06.00 น. แขกหลายคนตื่นมาแต่เช้าเพื่อเข้าร่วมพิธีนี้ ส่วนใหญ่เป็นคุณลุง คุณป้า ผมน่าจะเป็นแขกที่อายุน้อยที่สุดในวันนั้นที่เข้าร่วมพิธี เนื่องจากทางวัดห้ามถ่ายรูปขณะประกอบพิธีเลยไม่มีรูปมาฝากชมภาพห้องสวดมนต์ไปกันก่อนนะครับ
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-18-หอประกอบพิธี_1batch.jpg)
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-16-ห้องสวดมนต์_1batch.jpg)
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-17-ห้องประกอบพิธีสวดมนต์_1batch.jpg)
ระหว่างทำพิธีพระก็จะสวดมนต์เป็นทำนองคล้ายพระสงฆ์บ้านเรา แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นโบราณ หรือภาษาสันสกฤต อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจครับ (ถ้ามีใครทราบแวะมากระซิบผมด้วยนะครับ ) และจะมีการจุดไฟในกระถาง เผาไม้ ประกอบพิธีนานนับชั่วโมง
หลังจากนั้นก็จะให้แขกทุกคนไปรับพรจากพระ พระท่านก็จะใช้วชิราแตะที่ศีรษะของผู้เข้าร่วมพิธีทุกคนและอนุญาตให้ลงไปห้องเก็บพระไตรปิฎก และพระพุทธรูปใต้ดินซึ่งบอกได้เลยว่าในห้องนั้นสวยงามมาก มีพระพุทธรูปทองคำเหลืองอร่ามซึ่งห้ามถ่ายรูปเช่นกัน ผมก็ได้แต่เก็บภาพไว้ในความทรงจำเท่านั้นครับ
บนภูเขาโคยะนี้มีวัดที่มีชูคูโบะหลายวัด แต่ละวัดอาจจะมีพิธีที่ให้แขกเข้าร่วมแตกต่างจากวัดที่ผมพักนะครับ ส่วนวัดในนิกายเซนอาจจะมีการฝึกที่เข้มงวด นั่งสมาธิ ซึ่งผมกำลังหาช่องทางไปวัดแบบนิกายเซนดูบ้างถ้ามีโอกาสได้ไปจริง ๆ ผมจะมาเล่าให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันอีกแน่นอนครับ
การติดต่อจองห้องพัก
สำหรับท่านที่สนใจสามารถจองผ่าน เว็บไซต์ ซึ่งเป็นแหล่งให้ข้อมูลการท่องเที่ยวภูเขาโคยะรวมทั้งสามารถจองการพักในวัดบนภูเขาแห่งนี้ได้
เว็บไซต์ของวัด (ภาษาญี่ปุ่น) : Henjoson
พิกัดจาก Google map:
การเดินทางไปภูเขาโคยะ
สามารถเดินทางโดยนั่งรถไฟจากเมืองโอซาก้าของบริษัทนันไก จากสถานีนัมบะ (Namba) หรือชินอิมามิยะ (Shin Imamiya) ไปยังสถานีโกคุราคุบาชิ (Gokurakubashi) แล้วต่อเคเบิ้ลคาร์เพื่อขึ้นไปภูเขาโคยะและจากนั้นก็นั่งรถประจำทางไปเที่ยววัดต่างๆ ได้ การเดินทางเส้นทางนี้ไม่สามารถใช้ JR rail pass ได้ครับแต่สามารถซื้อตั๋วพิเศษแบบต่างๆ ได้ที่สถานีนันไก สถานีชินอิมามิยะ ตั๋วนี้รวมทั้งค่ารถไฟ เคเบิ้ลคาร์ ค่ารถยนต์โดยสารบนภูเขาโคยะ ตั๋วบางประเภทอาจรวมค่าเข้าชมสถานที่สำคัญบนภูเขาโคยะด้วย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่ มีข้อมูลทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษครับ
ฤดูที่แนะนำ
สำหรับภูเขาโคยะ สามารถเดินทางไปได้ทุกฤดูครับ แต่ช่วงฤดูหนาวจะหิมะตก อากาศหนาวจัด และถ้าใครสามารถมาช่วงปีใหม่ได้ จะมีพิธีสวดมนต์ในคืนวันที่ 31 ธันวาคมที่วัดต่างๆ แต่วัดที่คนจะไปมากคือวัด Danjo Garan (壇上伽藍) ซึ่งจะมีเจดีย์ขนาดใหญ่ชื่อ Konpon daito
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/รูปที่-19-kon-pon-daito-nice_1batch.jpg)
![](http://www.krobkruengjapan.com/wp-content/uploads/2018/11/kon-pon-daito_1batch.jpg)
เรื่องโดย ลุงจี๊ด
ติดตามพวกเราได้ที่
Facebook Youtube Instagram
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.