ตะลุยเที่ยวญี่ปุ่น สุดฟิน ด้วย JR Pass 4คืน5วัน EP 1 (Takayama Hokuriku Tourist Pass)

สวัสดีค่ะ วันนี้สาวแซ่บจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวโดยการเดินทางโดยใช้พาสรถไฟสุดคุ้ม Takayama – Hokuriku Area Tourist Pass  พาสเดียวเที่ยวสบายตลอดทั้งทริป สำหรับการเดินทาง 5 วัน ที่สามารถเดินทางครอบคลุมพื้นที่ นาโกย่า, เมืองมรดกโลกชิราคาวาโกะ, โกกายาม่า รวมไปถึงพื้นที่เมืองแห่งทองอย่าง คานาซาว่า, โทยามะ, ฟุคุอิ และไปจนถึงโอซาก้าก็ได้ด้วย

จุดแลก JR Pass ค่ะ

ตะลุยเที่ยวญี่ปุ่นครั้งต่อไปของเพื่อน ๆ จะสนุกขนาดไหน ตามรอยเที่ยวจากเราได้เลยค่ะ บทความนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวที่ไหนบ้างไปอ่านต่อกันได้เลยค่ะ

เพื่อน ๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับพาสได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ : https://touristpass.jp/when_using/en/index.html

 

Day 1 Nagoya, Gifu, Takayama

พอถึงสถานีนาโกย่า เราก็นำกระเป๋าเดินทางไปฝากยังล็อกเกอร์เอาไว้ก่อนเพื่อความสะดวกและคล่องตัวในการแวะเที่ยวที่ต่าง ๆ แล้วค่อนกลับมารับก่อนเดินทางต่อไป โดยสถานที่แรกที่เราจะแวะไปเช็กอินกันก็คือ

ชำระเงินด้วยเงินสดก็ได้ หรือจ่ายด้วยบัตร IC (Suica) ก็ได้เช่นกัน
ตู้ล็อกเกอร์มีหลายขนาดให้เราเลือกใช้ได้ตามความต้องการค่ะ

สำหรับ คนขี้เกียจอ่านชมคลิปได้ ที่นี่

ปราสาทนาโกย่า

แวะเช็กอินปราสาทนาโกย่า ปราสาทที่กล่าวขานกันว่าร่ำรวยที่สุด เพราะมีการตกแต่งด้วยทอง ซึ่งณ.ตอนนี้เรายังไม่สามารถเข้าไปชมด้านในของตัวปราสาทได้เพราะมีการปรับปรุงซ่อมแซมอยู่ แต่เราสามารถเข้าชมพระราชวัง ฮงมารุได้ค่ะ

สัตว์มงคลที่เรามักจะเห็นตามหลังคาปราสาทเรียกว่า sashihoko  ตัวเป็นปลาหน้าเป็นเสือ ที่คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า จะช่วยคุ้มครองปราสาทให้รอดพ้นจากไฟไหม้ ซึ่ง sashihoko ที่ปราสาทนาโกย่านั้นมีสีทองผ่องอำไพ จนใครต่อใครมาแล้วต้องแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกค่ะ และก็มีจุดถ่ายภาพให้เราไปถ่ายกันด้วยนะคะ ตอนนี้แถวยาวมาก ๆ เลย

ค่าเข้าชม :ผู้ใหญ่ 500 เยน

เวลาทำการ : 9.00 น. – 16.30 น.

การเดินทาง :

รถไฟใต้ดิน: ลงสถานี Shiyakusho ของรถไฟใต้ดินสาย Meijo

รถบัส: ลงป้าย Nagoya-jo Castle Seimon-mae

พิกัดจาก  google map: https://goo.gl/maps/TCmQYeFUhEWELyUEA

 

หลังจากชมปราสาทเสร็จเรียบร้อยแล้วก็แวะมาจิบกาแฟที่คาเฟ่น้องลูกเจี๊ยบชื่อดังกันสักหน่อย ว่ากันว่าร้านนี้ดังมาก ๆ เพราะมีคิวต่อแถวกันยาวเลยค่ะ ร้านนี้มีชื่อว่า

Piyorin STATION Cafe Gentiane (ぴよりんステーションカフェジャンシアーヌ)

คาเฟ่น้องลูกเจี๊ยบชื่อดังที่มีแถวย๊าว ยาว ต่อล้นออกมาหน้าร้าน เป็นคาเฟ่ที่ตั้งอยู่บริเวณ Central concourse ของสถานี JR นาโกย่าค่ะ  โดยคาเฟ่นี้มีความตะมุตะมิน่ารักเพราะเมนูเต็มไปด้วยลูกเจี๊ยบสีเหลืองค่ะ ซึ่งก็ไม่มีมีแค่ของหวานเท่านั้นนะคะ เซ็ตเมนูอาหารเช้า อาหารกลางวันที่เป็นอาหารคาวก็มีด้วยเช่นกันค่ะ

วันนี้ได้มาลองชิมเมนู Piyorin set ที่ประกอบไปด้วย พุดดิ้งน้องลูกเจี๊ยบ และเครื่องดื่มชา หรือ กาแฟ เลือกได้แบบร้อนหรือเย็นค่ะ เมนูนี้โดยเฉพาะเค้กพุดดิ้งน้องลูกเจี๊ยบรสชาติอร่อย กลมกล่อม ไม่หวานจนเกินไป มีส่วนผสมทั้งครีม สปองจน์เค้ก และสอดไส้ด้านในด้วยพุดดิ้ง ซึ่งว้าวมาก ๆ มีความหลายชั้น มีเนื้อสัมผัสที่น่าค้นหา กินคู่กับชาหรือกาแฟ อร่อยลงตัวเลยค่ะ เซ็ตนี้ราคา 960 เยน แต่ถ้าใครอยากเพิ่มน้ำตาลน้องลูกเจี๊ยบเราก็สั่งเพิ่มได้นะคะ

 

เซ็ตนี้ราคา 960 เยน

 

พุดดิ้งด้านใน อร่อยมาก ๆ ค่ะ

นอกจากนี้ยังมีเซ็ตเมนู Piyorin Plate ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ โยเกิร์ต สลัด ขนมปังปิ้งพร้อมเนย และ เค้กลูกเจี๊ยบ เซ็ตนี้สำหรับคนหิว อร่อยลงตัวค่ะ ราคา 1,380 เยน

เซ็ตนี้อร่อยลงตัวค่ะ ราคา 1,380 เยน

 

ไอศกรีม Piyorin Sunday ราคา 780 เยน

และตบท้ายด้วยไอศกรีม Piyorin Sunday ราคา 780 เยน

ร้านเปิด : 7.00น. – 22.00 น.

เว็บไซต์https://piyorin.com/shop/gentiane.html

 

ยังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้างนิดหน่อย ขอเดินชมสถานีรถไฟนาโกย่าเล่น ๆ โอ้โห มีโซนร้านอาหารที่ของกินเยอะมาก ๆ ค่ะ เรียกได้ว่ารวมของเด็ดเมนูดังเอาไว้ที่นี่ให้แล้ว ใครเวลาน้อยมาที่นี่ก็จบครบทุกเมนูเช่นกันเลยนะคะเนี่ย

umai mon dori ถนนแห่งความอร่อย แหล่งรวมอาหารขึ้นชื่อของนาโกย่าอยู่บริเวณสถานี Nagoya ค่ะ
ราเมนไต้หวัน เมนูขึ้นชื่อของนาโกย่า
ร้านนี้ขายราดหน้าสปาเก็ตตี้ เป็นเมนูท้องถิ่นของนาโกย่าเลยค่ะ

ได้เวลาเดินทางกันต่อไปรับกระเป๋าที่ตู้ฝากแล้วนั่งรถไฟต่อไปลงกันที่สถานี GIFU ค่ะ เราจะแวะเที่ยวเมืองโบราณ Kawaramachi กันก่อน ถ้าพร้อมแล้วไปกันต่อได้เลยค่ะ

Kawaramachi street จ.กิฟุ ย่านโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ

ย่านนี้ขึ้นชื่อเรื่อง “กระดาษสาญี่ปุ่น มิโนะวะชิ” ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,300 ปี ด้วยเทคนิคการผลิตแบบพิเศษที่เรียกว่า “นากาชิสุกิ” ซึ่งจะทำให้กระดาษมีความเหนียวเหมือนเนื้อผ้า และมีความสวยงาม กระดาษสาของเมืองมิโนะ จึงได้รับความนิยมนำมาใช้ในการสร้างสรรค์งานหัตถกรรม เช่น “ร่มกระดาษาสา” และ โคมไฟกระดาษสากิฟุ นั่นเองค่ะ

และนอกจากนี้ กระดาษสามิโนะวาชิยังได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดยยูเนสโก้ในปี 2014 อีกด้วยค่ะ

ไหน ๆ ก็มาเยือนย่านโบราณนี้แล้ว และยังขึ้นชื่อเรื่องร่ม เรื่องกระดาษสาญี่ปุ่นด้วย เราไปเช่าร่มมาเดินถ่ายรูปเล่นกันเก๋ ๆ กันที่ ร้าน casa

ร้าน casa ร้านเช่าและจำหน่ายร่มงานฝีมือระดับตำนานกว่า 100 ปี

เป็นร้านขาย และให้เช่าร่มญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เปิดมากกว่า 100 ปี ภายในมีร่มญี่ปุ่นวางเรียงรายเพื่อจำหน่าย และยังมีให้เช่าอีกด้วยค่ะ โดยค่าเช่าร่ม ตกคันละ 3,300 เยน เวลาการเช่า และคืน ก็ขึ้นอยู่กับตามเวลาเปิดปิดของร้านค่ะ

มีร่มทั้งจำหน่าย และให้เช่า

 

เว็บไซต์https://www.teshigoto.casa/

พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/YoyEchCM4ZWqPkc78

อีกหนึ่งวิวสวย ๆ ของย่านนี้เป็นวิวริมแม่น้ำ กับดอกหญ้า ฟรุ้งฟริ้งมากมายค่ะ
บรรยากาศบ้านเก่าที้ไร้เสาไฟ และสายไฟระโยงระยาง
มีความย้อนยุคมาก ๆ เลย ชอบตรงที่ไม่มีสายไฟให้เกะกะสายตา
คาเฟ่ในบ้านเก่า น่านั่งมาก ๆ ถ้ามีเวลาอีกนิดคงจะได้แวะเข้าไปลองชิมดู
ดีไซน์บ้านในยุคก่อนของที่นี่มีความเก๋ เหมือนกันนะคะเนี่ย
ก่อนคืนร่ม ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยค่ะ

หลังจากคืนร่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็นั่งรถไฟเพื่อมุ่งหน้าไปสู่สถานี Mino City Station เพื่อที่จะไปยังเมืองโบราณอีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า Udatsu ที่นี่มีความวิ้งว้าวอยู่ที่กำแพงค่ะ โดยบ้านโบราณแต่ละหลังจะมีกำแพงที่กันไฟได้ เพราะสมัยก่อนเพลิงไหม้เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด หากไฟไหม้บ้านหลังหนึ่ง ก็จะไม่ไหม้ต่อ ๆ กันเพราะมีกำแพงที่กันไฟได้เรียกว่า Udatsu ค่ะซึ่งในสมัยก่อนจะไม่ค่อยเห็นกันมากนัก

กำแพงที่ยื่นออกมา เรียกว่า udatsu
หากมีไฟไหม้เกิดขึ้น ไฟก็จะไม่ลามต่อไปยังบ้านหลังข้างเคียง
ไม้แกะสลักเป็นรูปน้องแมว ที่อยู่หัวมุมถนน น่ารักมากมาย

Udatsu Mino city .กิฟุ

เป็นเมืองโบราณอีกเมืองหนึ่งที่น่าสนใจ และกล่าวกันว่าคนสร้างเมืองนี้เป็นคนเดียวกันกับเมือง Takayama ดังนั้นบ้านเรือนต่าง ๆ ผังเมืองจึงมีความคล้ายและใกล้เคียงกับทาคายาม่า ตรงโซนย่านเก่าจะไม่มีเสาไฟมาตั้งริมถนนเลย ด้านหน้าของบ้านแต่ละหลังก็จะมีที่ผูกม้า มีโคมไฟที่ทำจากวาชิ หรือกระดาษสาญี่ปุ่น ซึ่งในช่วงกลางคืนจะมีการเปิดไฟสวยงามมาก ๆ ค่ะ

ที่ผูกม้า มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ​ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงเห็นกันอยู่
ทางเดินไปยังโซนบ้านโบราณ โซนนี้ก็ไม่มีเสาไฟระโยงระยางเลย
แสงสวย ๆ จนอดถ่ายรูปไม่ได้
โซนที่อยู่อาศัย ในปัจจุบัน
ทางเดินจากสถานีไปยังโซนบ้านโบราณ udatsu
ป้ายรถบัสของเมือง Mino

จะมีร้านสาเก อายุกว่า 240 ปี ที่ออกแบบสร้างหลังคาเป็นแบบโค้งมน หลังคาแบบนี้ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า มุคุริยาเนะ( むくり屋根) ซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนค่ะ ทางร้านตั้งใจทำให้โค้งเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ และขอบคุณลูกค้า จึงทำให้สิ่งก่อสร้างนั้นดูแปลกตาไปจากหลังอื่น ๆ

หลังคาทรงโค้ง ดูแปลกตา
ร้านสาเก ที่มีหลังคาทรงโค้งเพื่อแสดงความขอบคุณลูกค้า

พิกัดจาก Google maphttps://goo.gl/maps/cb5Gc17pCEV8GD8bA

Former Imai Family Residence 旧今井家住宅

ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็มีการแสดงห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน มีการแสดงโคมไฟ มีสวนแบบญี่ปุ่น ไฮไลท์ก็คือ จุดที่เทน้ำลงหิน แล้วจะได้ยินเสียงสะท้อนของน้ำมีความก้องกังวาลเหมือนกับการตีระฆัง

เมื่อเดินต่อไปก็จะเจอศาลเจ้าเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยหัวใจ ในสมัยก่อนศาลเจ้าแห่งนี้คนในบ้านจะมาขอพรในเรื่องการค้าขายและคุ้มครองให้ครอบครัวมีความสุข ปลอดภัย แต่ในปัจจุบันกลับมีความเชื่อที่ว่า ถ้ามาลูบบริเวณโคมไฟหินที่มีรูปหัวใจแล้วอธิษฐานก็จะโชคดีในความรัก ซึ่งไม่ได้มีรูปหัวใจเพียงแค่ที่เสาโคมไฟหินเท่านั้นนะคะ บริเวณฐานของรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกก็มีด้วย

ซึ่งในสมัยก่อน รูปหัวใจที่ว่านั้นเปรียบได้กับตาของหมูป่า ซึ่งหมูป่าไวต่อควันไฟ เมื่อมีไฟไหม้ที่ไหน หมูป่าจะได้ยิน และตื่นตัวก่อน ดังนั้นตามปราสาท ศาลเจ้า จึงนิยมสลักลวดลายเป็นรูปหัวใจเพื่อเชื่อในโชคลางที่ว่าจะช่วยป้องกันภัยค่ะ แต่มาในปัจจุบัน สัญลักษณ์รูปหัวใจแบบนี้เรารู้จักกันในนาม “หัวใจ” ตัวแทนของความรักนั่นเอง ก็เป็นอีกหนึ่งกิมมิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการในมาเยือนที่นี่ค่ะ …อย่างน้อยได้มาขอพรให้โชคดีในความรักก็ฟินแล้ว

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 300 เยน

เว็บไซต์http://www.mino-city.jp/jp/tourist/construction01.html

พิกัดจาก Google maphttps://goo.gl/maps/MYpUEaDnRaMVTbK37

Mino Washi Lantern Art Gallery (美濃和紙あかりアート館)

กระดาษสาญี่ปุ่น มิโนะวะชิ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,300 ปี ด้วยเทคนิคการผลิตแบบพิเศษที่เรียกว่า “นากาชิสุกิ” ซึ่งจะทำให้กระดาษมีความเหนียวเหมือนเนื้อผ้า และมีความสวยงาม กระดาษสาของเมืองมิโนะ จึงได้รับความนิยมนำมาใช้ในการสร้างสรรค์งานหัตถกรรม เช่น “ร่มกระดาษาสา” และ โคมไฟกระดาษสากิฟุ นั่นเองค่ะ

ป้ายหน้าพิพิธภัณฑ์
ตุ๊กตาต้อนรับ ใส่หน้ากากอนามัยด้วย
โคมไฟประดับประดาหลากหลายรูปทรง
โคมไฟกระดาษที่ตกแต่งเป็นรูปคน
แกลอรี่ที่อยู่ชั้นสอง

และนอกจากนี้ กระดาษสามิโนะวาชิยังได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดยยูเนสโก้ในปี 2014

 

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 200 เยน เด็กเข้าชมฟรี

เว็บไซต์http://www.mino-city.jp/jp/tourist/construction01.html

พิกัดจาก Google maphttps://goo.gl/maps/8muo3CZoo7kgtBmC8

เมื่อเก็บพิกัดครบทุกแห่งแล้วเราก็รีบขึ้นรถไฟจากสถานี Mino Ota Station เดินหน้ามุ่งสู่สถานี Takayamaค่ะ โดยคืนนี้เราจะค้างกันที่

โรงแรม Honjin Hiranoya Bekkan

ที่นี่เป็นที่พักเรียวกังที่วิวเทพมาก ๆ มีระเบียงกว้างที่จะได้เห็นสะพานสีแดง nakabashi และแม่น้ำ Miyakawa ซึ่งเป็นจุดชมวิวสุดว้าวของเมือง ทาคายาม่า โดยเฉพาะช่วงซากุระ บริเวณนี้จะเต็มไปด้วยต้นซากุระที่เรียงรายเลียบแม่น้ำ สวยมาก ๆ ค่ะ

วิวเทพมากจริง ๆ ตอนซากุระบานว่าสวยแล้ว ตอนใบไม้เปลี่ยนสีก็สวย และถ้าตอนหิมะตกยิ่งสวยไปอีกแบบ

อาหารจานแรกตกแต่งมาแบบสวยงามมาก ๆ
น้ำผักและผลไม้ให้ลอง 3 ชนิด น้ำพีช น้ำแครอท น้ำแอปเปิ้ล
เนื้อฮิดะ ย่าง เป็นเมนูที่ห้ามพลาด
คนไม่กินเนื้อก็จัดชาบูปูแทนได้ค่ะ
หมูย่างบนใบแมกโนเลีย และมิโสะ อาหารท้องถิ่นของทางกิฟุ

ชมรีวิวโรงแรมได้จาก ที่นี่ ค่ะ

เว็บไซต์https://ssl.honjinhiranoya.co.jp/

พิกัดจาก Google map: https://g.page/kachoan?share

Day 2 GIFU TAKAYAMA TOYAMA

ออกจากโรงแรม นั่งรถบัสที่หน้าสถานี Takayama เพื่อไปลงยัง Shirakawago แล้วนั่งรถบัสท้องถิ่นไปลงที่ป้าย Ainokura (Gokayama) เพื่อไปยังหมู่บ้าน Gokayama Ainokura มีลักษณะคล้ายกับชิราคาวาโกะ ที่อยู่ในจังหวัดโทยาม่า

นำ JR Pass ไปด้วยไปรับตั๋วรถบัสที่หน้าสถานี Takayama ขึ้นรถบัสที่ชานชาลาหมายเลข 4
นั่งรถบัสมาลงที่ Shirakawago แล้วเปลี่ยนรถบัสท้องถิ่นนั่งต่อไปยังป้าย Ainokura (Gokayama) เพื่อไปยังหมู่บ้าน Gokayama Ainokura

สำหรับคนขี้เกียจอ่าน ชมคลิปได้ ที่นี่ ค่ะ

โกคายามะ หมู่บ้านมรดกโลก หลังคาทรงพนมมือ ว้าวทุกฤดู

ถ้าจะพูดถึงหมู่บ้านโบราณในญี่ปุ่นหลาย ๆ คนคงจะนึกถึงหมู่บ้านที่มีหลังคาสไตล์พนมมือ หรือที่เรียกว่า “กัชโชสึคุริ” (Gassho-zukuri,合掌造り) คือ หลังคาบ้านที่มุงด้วยหญ้าทำให้มีความลาดเอียงคล้ายกับการพนมมือ เหตุที่หลังคาเป็นลักษณะนี้ ก็เนื่องมาจากอยู่ในพื้นที่หิมะตกหนัก หลังคาแบบนี้จะทำให้หิมะที่ทับถมบนหลังคาไหลลงมาได้ง่าย และชื่อเรียกก็ได้มากจากลักษณะของหลังคาที่เหมือนกับการประกบฝ่ามือเข้าด้วยกัน 合:ประกบ, 掌มือ

หมู่บ้านโกะคายามะ (五箇山) สไตล์กัชโช ตั้งอยู่ที่จังหวัดโทยามะ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโก (UNESCO) ในปี 1995 โดยภายในหมู่บ้านจะมีบ้านเรือนสไตล์กัชโชจำนวน 20 หลังยังคงอยู่ในหมู่บ้านไอโนะคุระสไตล์กัชโช และหมู่บ้านสุกะนุมะ โดยบ้านส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 100 – 200ปี และบ้านที่เก่าแก่ที่สุดว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 400 ปีที่แล้วเลยทีเดียวค่ะ

ที่หมู่บ้านนี้มีจุดชมวิวหลายแห่งนะคะ ทำให้เราได้มุมถ่ายรูปได้หลาย ๆ มุมเลย ถ้าไปวันฟ้าใสเราจะได้ถ่ายรูปหมู่บ้านคู่กับเจแปนแอลป์ที่เป็นฉากอยู่ด้านหลังค่ะ

ไอเทมเด็ดของหมู่บ้านแห่งนี้ก็คือ “เต้าหู้โกคายามะ” ซึ่งทำจากวิธีการดั้งเดิมที่ตกทอดกันมาแบบรุ่นสู่รุ่น โดยตัวเต้าหู้มีปริมาณน้ำเล็กน้อยและมีความแน่นของเนื้อเต้าหู้อย่างเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ไม่แตกยุ่ยแม้ว่าจะมัดด้วยเชือก เต้าหู้ก็ไม่แตก ..ว้าวมากเลยค่ะ

เว็บไซต์http://gokayama-info.jp/en/

หากเดินทางมาพร้อมกระเป๋าเดินทางมีที่ฝากกระเป๋าตรงป้านรถบัสนะคะ

การเดินทาง : นั่งรถบัสจาก ทาคายาม่ามาลงที่ ชิราคาวาโกะ แล้วนั่งรถบัสท้องถิ่นมาลงที่ Ainokura หรือ นั่งรถบัสแหล่งมรดกโลกไปที่ Ainokura จากถานี JR ชินทาคาโอกะ ก็ได้ค่ะ

พิกัดจาก Google maphttps://goo.gl/maps/fM3xkwrvMbuDkQsh9

ตามรอยมิชิลินไกด์ ชิมอาหารญี่ปุ่นที่ร้าน Marusho Takaoka

เสร็จแล้วนั่งบัสไปลงที่สถานี Takaoka ไปกินอาหารกลางวันกันที่ร้าน Marusho เป็นร้านที่ถูกแนะนำโดย มิชชิลินไกด์ ตั้งแต่ปี 2016 และล่าสุดในปี 2021 เป็นอาหารไคเซกิ เน้นไปที่อาหารทะเลท้องถิ่นในโทยาม่า ทุกเมนูอร่อยกลมกล่อม ฟินมาก ๆ เลย

จานหลักเป็นเซ็ตอาหารย่าง ที่มาในแบบเรือโดยใช้ไม้แอปเปิ้ลเป็นเชื้อเพลิงในการย่างจึงทำให้มีกลิ่นที่หอมมาก ๆ ขนมหวานเป็นพุดดิ้งนมอัลมอนด์ราดมากับซอสสตรอเบอร์รีสด

ราคา 2,900 เยน / เซ็ต (ไม่รวมVatและค่าเซอร์วิส)

เมนู weekday lunch set http://www.marushow.net/dish_ohiru.html

เว็บไซต์ : http://www.marushow.net

พิกัดจาก Google maphttps://goo.gl/maps/mUXQGNdKRnBsg47R8

ทำงานฝีมือชิ้นเดียวในโลกที่ Casting Studio Risaburo (鋳物工房 利三郎)

มาถึงถิ่นแร่ดีบุก แล้วเราต้องไปลองสร้างประสบการณ์การทำจานดีบุกกันสักหน่อยค่ะ จริง ๆ ก็ไม่ได้มีแค่จานอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ มีตั้งแต่ถ้วยสาเก แม็กเน็ต ที่วางตะเกียบ ฯลฯ โดยราคาค่าเข้าร่วมกิจกรรม ถ้วยสาเก 4,400 เยน จานเล็ก ๆ ทรงกลมและทรงรี ราคา 3,300 เยน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อเราเลือกชิ้นงานได้แล้ว ต่อไปก็เป็นการวาดลายลงบนพิมพ์ ขั้นตอนนี้ใช้ดีสอวาดค่ะ เซนเซแนะนำว่าไม่ควรเป็นตัวอักษร เพราะชิ้นงานที่ได้จะสลับด้านหน้าเป็นด้านหลัง แต่ถ้าต้องการตัวอักษรก็ต้องเขียนกลับด้านค่ะ

สำหรับสาวแซ่บเลือกทำลาย โลโก้ของครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่นค่ะ ที่พวกเราใช้พิมพ์เป็นกระเป๋า eco เพื่อน ๆ มองกันออกไหมคะว่าใครเป็นใคร

เมื่อเสร็จแล้วเราก็เทแร่ดีบุกที่ลนไฟลงไปในพิมพ์ แล้วรอค่ะ หลังจากนั้นเซนเซก็จะดำเนินการต่อให้ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นานค่ะ ประมาณ 20 นาทีก็เสร็จ

ข้อควรระวังในการใช้วัสดุที่ทำจากดีบุก หลีกเลี่ยง กรดต่าง ๆ เช่นน้ำมะนาว น้ำเลมอน ห้ามนำไปแช่ช่องฟรีซจะทำให้ชิ้นงานหดตัว หลีกเลี่ยงกับการใช้ของร้อนจัด และเย็นจัดๆ ค่ะ

เว็บไซต์http://www13.plala.or.jp/jinpachi/

พิกัดจาก Google maphttps://goo.gl/maps/FVoTTAnq2LzzLsXt9

 

ตู้ไปรษณีย์โดราเอม่อนสุดคิ้วท์ ที่สถานี Takaoka

แวะส่งโปสการ์ดไปให้พี่อปลุงเป็นที่ระลึกกันสักหน่อยค่ะ ที่ตู้ไปรษณีย์โดราเอม่อน ที่อยู่ที่สถานี Takaoka โดยขึ้นไปซื้อโปสการ์ดที่ร้านขายของที่ระลึกชั้นสองของสถานี แล้วซื้อแสตมป์ที่ร้านสะดวกซื้อ หรือซื้อกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ใกล้ๆ กับตู้ไปรษณีย์ค่ะ แต่ไปรษณีย์บัตรนี้ส่งได้แค่เฉพาะภายในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นนะคะ ความพิเศษของโปสการ์ดนี้ก็คือ จะมีตราประทับเป็นโดราเอม่อนค่ะ คิ้วท์ตรงนี้

เมื่อส่งโปสการ์ดเสร็จแล้วเราก็เตรียมตัวขึ้นรถไฟท้องถิ่น (ไม่สามารถใช้ JR Pass ได้นะคะ ต้องซื้อตั๋วแยกต่างหากค่ะ) เพื่อไปลงที่สถานี Shin Takaoka เพื่อขึ้นรถไฟชินคันเซนไปลงยังสถานี Toyama

 

เช็กอินที่โรงแรม Excel Tokyu

นำกระเป๋าไปเช็กอินที่โรงแรม Excel Tokyu ซึ่งอยู่ตรงหน้าสถานีรถไฟ Toyama โรงแรมพิกัดดีงาม มีเครื่องใช้ครบครัน โดยเฉพาะสกินแคร์ มาเต็มสูตร ชนิดที่ว่ามาตัวเปล่าก็เข้าพักได้เลย ที่นี่มีน้ำเปล่าให้ฟรีด้วยนะคะ ดีมาก ๆ เลย

ชมคลิปรีวิวโรงแรมได้ ที่นี่ ค่ะ

เว็บไซต์https://www.tokyuhotels.co.jp/toyama-e/index.html?utm_source=google&utm_medium=maps

พิกัดจาก Google maphttps://goo.gl/maps/wDo2QaQ4vV8SGJZT8

กินซูชิ เมนูท้องถิ่นที่ร้าน Aburian Toyamazushi

หลังจากนั้นก็ไปรับประทานอาหารเย็นกันที่ Aburian Toyamazushi ซึ่งเป็นร้านซูชิที่สั่งจากไอแพด ลดการสัมผัส มีทั้งเมนูแบบเซ็ต และแบบแยกจาน วัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากจังหวัดโทยาม่า ซึ่งอยู่ติดกับทะเล ดังนั้นเราต้องมาลอง กุ้งหวานกันค่ะ ชิโระเอบิ หวานสมชื่อเลย ที่ห่อมาด้วยแผ่นสาหร่ายที่ดูแพง และแปลกตามาก ๆ ซึ่งก็คือ แผ่นสาหร่ายคอมบุค่ะ ส่วนตัวได้ลองชิมแล้วรู้สึกว่าเหนียวถ้าเที่ยบกับสาหร่ายแผ่นธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่กินแล้วก็เข้ากันกับกุ้งที่หวานมาก ข้าวกลมอร่อย อร่อยเลยค่ะ

กุ้งหวานชุบแป้งทอด อร่อยมาก ๆ จิ้มกับเกลือมัทฉะ เมนูท้องถิ่นที่ห้ามพลาดค่ะ

และนอกจากนี้ก็ยังมีปลา โนโดะกุโระ ที่อะบุริมา หวานมาก หอมมาก เนื้อเด้งมาก ๆ โฮตารุอิกะปรุงมากับหมึกดำและน้ำส้มสายชู เรียกว่าเป็นแรร์ไอเทมเลยค่ะ และอย่าลืมชิม ปูซูไว ซึ่งเป็นไอเทมเด็ด ๆ ของภูมิภาคนี้เช่นกันค่ะ พวกเราสั่งกันเต็มโต๊ะ จ่ายไปเพียง 14,000 เยนนิด ๆ กินกันทั้งหมด 6 คน ถ้าหารต่อคนก็ตกคนละ 2,000 เยน ก็ถือว่าไม่แพงเลยค่ะ

ร้านเดินไม่ไกลนะคะอยู่ใกล้กับโรงแรมที่พัก และสถานีรถไฟเลยค่ะ

เว็บไซต์https://aburian-toyamasushi.gorp.jp

พิกัดจาก Google maphttps://g.page/aburian-toyamazushi?share

 

ทริปยังไม่จบนะคะ เรามีด้วยกัน 3 EP เพื่อน ๆ สามารถตามไปอ่านต่อยัง EP2 และ EP 3 ได้ค่ะ

 

ติดตามพวกเราได้ที่

Facebook  Youtube  Instagram  Twitter

 

 

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.