ปักหมุด 20 สิ่งห้ามพลาดที่ Fukuoka

หากมีโอกาสได้มาเยือนเกาะคิวชู ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงจะเลือกจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางอย่างแน่นอน เพราะสะดวกในการเดินทาง มีสนามบินที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง สามารถนั่งรถแท็กซี่จากสนามบินเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ในราคาไม่ถึง 1,000 เยน ผู้คนเป็นมิตร แวดล้อมไปด้วยต้นกำเนิดอาหารอร่อย ๆ ชื่อดังหลากหลายชนิด อย่างฮากาตะราเมน, เมนไทโกะ​ ฯลฯ  และรวมถึงสถานที่ที่ต้องห้ามพลาด วันนี้สาวแซ่บ และ อปลุงขอรวบตรึง ปักหมุด 20 สิ่งห้ามพลาดที่ Fukuoka ให้เพื่อน ๆ ไว้เป็นลิสต์ในการเที่ยวกัน ถ้าพร้อมกันแล้วไปอ่านกันได้เลยค่ะ

1.พิกัดที่คนมีคู่เค้าไปกัน Itoshima Futamigaura

ปักหมุด Itoshima ในฟุกุโอกะ (Fukuoka) เมืองที่วัยรุ่นญี่ปุ่นชอบมาก และโด่งดังมากสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปลง IG บอกเลยว่าห้ามพลาด เมืองนี้เป็นเมืองติดทะเล เมืองเล็กๆ ที่มีคาเฟ่ ร้านอาหารน่ารัก ๆ มากมายทั่วเมืองแต่ไฮไลท์ของสายถ่ายรูปขอแนะนำชายหาดดังของที่นี่ ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวชมกันมาก เรียกว่า Sakurai Futamigaura Beach (桜井二見ヶ浦)
มาเป็นคู่ ต้องลองชิงชาคู่แบบนี้เลยจ้า อยู่บริเวณ Palm tree swing
มาเดี่ยว ๆ ก็มีนะ ความเก๋คือ ต้นปาล์มเอียง
มีมุมถ่ายรูปน่ารัก ๆ เยอะจริง ๆ
ทาสแมวก็มาค่ะ
แมวถือปลาด้วย น่ารัก
พิกัด Plam tree swing จาก Google map: https://goo.gl/maps/Y964mZDk77aspiCRA
จุดชมพระอาทิตย์ตกดินต้องที่นี่ SUNSET CAFE ที่จะมองเห็นวิวหินคู่อยู่ด้านข้างไม่ไกลมากนัก และยังอยู่ใกล้กำแพงที่เพ้นท์เป็นปีกนางฟ้า แวะมาชิลที่คาเฟ่ ชมพระอาทิตย์ตกดิน กับบรรยากาศริมทะเลสบาย ๆ
พิกัดของร้าน Sunset Cafe : https://goo.gl/maps/koFpaN5Wq3zmUU8T8
ที่นี่มีจุดถ่ายรูปเยอะมาก ๆ และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินริมทะเลที่สวยที่สุด ติดอันดับ Top 100 ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะจุด หินคู่รักหรือหินแต่งงาน (เมะโตอิวะ,夫婦岩) แห่งฟุกุโอกะ ที่ตั้งอยู่ในทะเลห่างออกไปจากชายฝั่งประมาณ 150 เมตร และมีเสาโทริอิสีขาวที่ตั้งเด่นเป็นสง่า อยู่ใกล้ชายหาด ช่วงฤดูร้อนพระอาทิตย์จะตกตรงกลางพอด
หินคู่รักนี้ มีขนาดใหญ่ กว้างก้อนละประมาณ 30 เมตร หนักประมาณ 1 ตัน มีเชือกศักดิ์สิทธิ์ Shimenawa (しめ縄) คล้องเป็นคู่กันอยู่ เหมือนมงคลแต่งงาน ว่ากันว่าถ้ามาขอพรความรักก็จะสมหวัง (เค้าว่ากันอย่างนั้นนะคะ) มาเที่ยวฟุกุโอกะครั้งหน้าอย่าลืมแวะมาเที่ยวที่นี่กันอีกนะคะ
อย่าลืมพิกัดนี้ด้วยนะ กำแพงปีกนก อยู่ใกล้ ๆ กับ Sunset Cafe ค่ะ
การเดินทาง :จากสถานี Chikuzenmaebaru station(前原駅) ขึ้นรถบัส Showa Bus สาย Nogita Line ที่ป้าย Maebarueki-Kitaguchi(前原駅北口)แล้วลงป้าย Imuta(伊牟田)แล้วเดินประมาณ 30 นาที
ตารางบัส ↓
พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/vNJ9VsWpsRXZV3Xc8

2.ปักหมุดร้านอร่อย หอยนางรม 1 กก.ละ 300 บาท หอยสด อร่อยถูก ร้านที่คนรักหอย รักทะเลต้องไป

หากมาที่ Itoshima ในจังหวัด Fukuoka แล้วขอแนะนำร้านหอย อร่อย ถูก และสดมากๆ ร้านมีชื่อว่า Miruku ga ki Toyohisa maru (みるくがき豊久丸) เป็นร้านที่ขายอาหารทะเลหลากหลายชนิด ที่เราปิ้งเองจ้า สนุกตรงนี้ล่ะค่ะ

ร้านนี้มีมาตรการการป้องกันการแพร่กระจายไวรัสโคโรน่าได้เป็นอย่างดี เปิดประตูหน้าต่างให้ลมพัดระบายอากาศได้ดี ก่อนเข้าร้านต้องล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ และวัดอุณหภูมิก่อนเข้าร้านทุกคน สั่งอาหารผ่านไลน์ เพื่อเว้นระยะห่างจากพนักงานรับออเดอร์ กับลูกค้า ดีงามมากมายค่ะ 

หอยนางรมที่นี่ถูกมาก ๆ ตระกร้าละ 1,000 เยน 1 ตระกร้า น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ความสนุกของการย่างหอยก็คือ ระวังฝาหอยระเบิด เสียงระเบิดทีตกใจมากจ้า 

หอยเชลล์ย่างเนยก็อร่อยมาก ๆ ตัวละ 200 เยน หอยตัวใหญ่มาก หอมเนย ย่างแล้ว เนื้อหวานและนุ่มมาก ๆ ปลาหมึกก็ดีงาม ตัวละ 650 เยน คนย่างต้องกะเวลาดี ๆ ย่างนานไปเนื้อจะแข็ง แต่โดยรวมแล้วสด หวาน อร่อยลืมจ้า

เมนูทะเล ๆ แบบกุ้ง ปลาหมึก หอย มีครบ

มีความซีฟู้ด หลากหลายมาก ๆ

นอกจากนี้ก็มีเมนู ตะวันตกที่อร่อยไม่แพ้กันก็คือ Ajillo เป็นเมนูจิ้มจุ่มแบบสเปน ในถ้วยมีน้ำมันมะกอก กระเทียมสับ หอยนางรม เห็ดปรุงรสมาให้จิ้มกินคู่กับขนมปังฝรั่งเศสอร่อยเลยจ้า แต่เมนูนี้คนญี่ปุ่นเรียกว่า Ahijo ( アヒージョ ) ราคา 880 เยน และพาสต้าหอยนางรมก็อร่อยไม่แพ้กัน 

จิ้มกินกับขนมปังฝรั่งเศส อร่อยมากค่ะ
สปาเก็ตตี้หอยก็มีด้วยนะ

ใครอยากลิ้มลองหอยนางรมสด ๆ อร่อย ๆ  ต้องปักหมุดมาที่ Itoshima เลยค่ะ ที่นี่มีขายเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้นนะคะ หลังโควิดจัดโลดเลยจ้า

เกร็ดความรู้เพิ่มเติม : คาคิโกะยะ โดยทั่วไปจะเปิดให้บริการโดยตั้งเต็นท์ไว้ตามท่าเรือประมงในช่วงฤดูหนาว (เดือนพฤศจิกายน – มีนาคม) ถึงแม้จะเป็นเต็นท์ แต่ก็มีโครงสร้างที่แข็งแรง และมีการใช้แก๊สหรือถ่านไฟภายในเต็นด้วย ทำให้อากาศภายในอบอุ่นแม้จะอยู่ในฤดูหนาวก็ตามค่ะ 

 

เว็บไซต์https://toyohisamaru.com/

พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/Ey9rbHwKjunq3ELMA

3.แต่งกิโมโนสุดโมเดิร์น ชมใบไม้แดงที่สวนโอโฮริ ใจกลางเมืองฟุกุโอกะ

 

สโลว์ไลฟ์ในสวนสาธารณะใจกลางเมืองฟุกุโอกะ สาวแซ่บขอแนะนำสวน Ohori Park เลยค่ะ นอกจากจะเดินรับลมชมธรรมชาติงามๆ แล้ว เพื่อน ๆ ยังสามารถสร้างประสบการณ์แบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นได้ด้วยนะคะ โดยการแต่งกิโมโนดีไซน์ไม่ซ้ำใคร สุดโมเดิร์น เดินชมสวน จิบชาญี่ปุ่นในบรรยากาศชิล ๆ ที่ โอโฮริโคเอน นิฮง เทเอน (Ohorikoen Nihon teien, 大濠公園日本庭園) ที่นี่เป็นสวนญี่ปุ่นที่อยู่ติดกับ Coworking space ตึก 2 ชั้นที่ด้านในมีร้านเช่ากิโมโนสุดชิค และคาเฟ่บรรยากาศดีมาก ๆ ที่ Ohori Terrace ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดนั่งพัก นั่งชิล หรือแม้แต่ มาเช่าทำกิจกรรมก็ได้ 

แต่สำหรับสาวแซ่บกับอปลุงแล้ว ได้มาเช่าชุดกิโมโนเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศสวนญี่ปุ่นสักหน่อย เพราะไหน ๆ เราก็จะไปเดินที่สวนแห่งนี้อยู่แล้วเนอะ ซึ่งได้จองคิวเช่าชุดกิโมโนกับร้าน Yamato Tsunagari Gallery ที่ภายในเต็มไปด้วยชุดกิโมโนสุดโมเดิร์น ลายผ้า เนื้อผ้าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ใครชอบงานอาร์ต งานศิลปะร่วมสมัยแนะนำกิโมโนร้านนี้เลยค่ะ ราคาค่าเช่า 3 ชม. 3,000 เยนต่อคน จะได้ถุงเท้าทาบิ (ถุงเท้าที่แยกนิ้ว) เป็นที่ระลึกกลับบ้านไปด้วยนะคะ แต่ร้านนี้ไม่มีบริการทำผมให้นะคะ เราต้องทำผมด้วยตัวเองค่ะ 

นอกจากกิโมโนของสาว ๆ จะดูว้าวแปลกตาแล้ว สำหรับหนุ่ม ๆ ก็เฟี้ยวฟ้าวไม่แพ้กันค่ะ อย่างเช่นกิโมโนที่อปลุงใส่เนื้อผ้านั้นเป็นความร่วมมือกันระหว่างร้านและแบรนด์เต๊นท์ชื่อดัง snowpeak แค่ได้ยินชื่อแบรนด์เต๊นท์ อปลุงไม่ลังเลเลือกผ้าชิ้นนั้นทันที 555

ชุดกิโมโนที่ใช้ผ้าเต๊นท์ Snowpeak

พอแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยเราก็ซื้อตั๋วเข้าชมสวนญี่ปุ่น ในราคาคนละ 250 เยนกันค่ะ มุมถ่ายรูปมีเยอะมาก เดินวนรอบสวนได้ไม่ลำบากนัก ถ้าใครเมื่อยก็มีจุดแวะพักให้นั่งด้วยนะคะ มีดีไซน์ทั้งหิน ต้นไม้ น้ำตก และต้นโมมิจิ ถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีบอกเลยว่า สวยตรึงใจมาก ๆ ค่ะ 

สวนไม่กว้างมากแต่สามารถเดินได้รอบ ถ่ายรูปออกมาแล้วไสวยมาก ๆ

ใบไม้แดงอลังการงานสร้างมากจริง ๆ
ใบเมเปิ้ล ตัดกับต้นไม้สีเขียว สีสดมาก ๆ
น้ำตกภายในสวนญี่ปุ่น ที่เวลาเดินไปได้ยินเสียงน้ำกระทบไป สดชื่นมาก ๆ
น้ำตกเล็ก ๆ แต่ให้บรรยากาศของสวน ร่มรื่นมาก ๆ

4.แวะจิบชาที่คาเฟ่กลางสวนสวย

เดินชมสวนมาเหนื่อย ๆ แวะมานั่งจิบชากาแฟชิล ๆ ชมวิวสวนสาธารณะโอโฮริ กัน ชาที่นี่มีหลายชนิดนะคะ ไม่ว่าจะเป็น เกียวคุโระ ชาชั้นดีราคาสูง ชาคั่ว ชาเขียวมัทฉะ ชาเบลนด์เมนูพิเศษของทางร้าน หรือแม้แต่ชาอินเดียอย่าง Chai Tea ก็มีด้วยค่ะ ซอฟต์ครีมชาเขียวก็มีด้วยนะคะ เป็นซอฟท์ครีมที่ไม่หวาน กินแล้วเหมือนดื่มชาเขียว อ่ะใครไม่เคยลองขอแนะนำค่ะ 

แต่ความว้าวของพวกเราก็คือ ข้าวปั้นอินาริ (ข้าวปรุงรสที่อยู่ในเต้าหู้ทอดรสหวาน) ที่ห่อมาด้วยกระดาษสีสันต่าง ๆ เห็นแว๊บแรกทำให้นึกถึง ท็อฟฟี่โบราณเลยค่ะ เป็นการทำแพ็กเกจจิ้งได้น่ารักมาก ๆ แค่ลองกินคำแรกก็หลงรักเข้าให้แล้วสิ เพราะรสชาติละมุนละไมเหลือเกินค่ะ …ชิ้นเดียวคงจะไม่พอแล้วสินะ หุหุ

เกร็ดความรู้เพิ่มเติม :

สวนโอโฮริ (大濠公園, Ohori-koen) สวนสาธารณะใจกลางเมืองฟูกุโอกะที่เป็นเหมือนโอเอซิสที่ชาวเมืองมักจะใช้เวลาว่างๆมานั่งผ่อนคลายรับลมกันชิลๆ โดยชื่อโอโฮริ(Ohori)แปลแบบตรงๆเลยจะหมายถึงคูน้ำรอบเมืองหรือปราสาท ซึ่งอาจจะหมายถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่โดดเด่นตรงกลางนี่เอง ว่ากันว่าครั้งหนึ่งสระน้ำนี้เป็นหนึ่งในระบบคูน้ำของปราสาทฟูกุโอกะที่อยู่ข้างๆนี่เองค่ะ ตัวสวนเองก็ถือว่าค่อนข้างจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการตกแต่งสไตล์สวนตะวันออกของประเทศจีนที่จะให้ความรู้สึกคลาสสิคๆหน่อย

โซนสวนญี่ปุ่น

สวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นช่วงประมาณปี ค.ศ. 1929 โดยจะมีเกาะกลางสระน้ำอยู่ 3 เกาะซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินหิน สระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางจะมีทางเดินรอบๆสระน้ำที่มีระยะทางรวมกันประมาณ 2 กิโลเมตร เรียกได้ว่าเป็นจุดที่คนนิยมมาเดินและใช้เวลากันมากที่สุดเลยล่ะค่ะ เพราะขนาดวันที่อากาศร้อนๆยังนับว่าอากาศดีกว่าจุดอื่นๆอยู่มากทีเดียว อีกจุดที่นิยมมากๆไม่แพ้กันก็เป็นศาลา 6 เหลี่ยมกลางสระน้ำที่ช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกนี่ถ่ายรูปสวยมากมาย

เป็นสวนสาธารณะที่ชาวเมืองมาพักผ่อนหย่อนใจ มาออกกำลังกายได้

เวลาเปิด-ปิด: สวนญี่ปุ่น 9:30 to 17:00 พิพิธภัณฑ์ 9:30 to 17:30 เรือเปิดให้บริการ 11:00-17:30

วันปิดทำการ: สวนญี่ปุ่น หยุดวันจันทร์และวันหยุดแห่งชาติ ,พิพิธภัณฑ์ หยุดวันวันอาทิตย์และวันหยุดแห่งชาติ

การเดินทาง : สวนโอโฮริ(Ohori Park) สามารถเดินได้จากสถานีรถใต้ดินโอโอริโคเอน Ohori Koen

พิกัดจาก Google maphttps://goo.gl/maps/nm4ouuJJoiV7jPDi7

 

5.ช้อปปิ้ง เดินชิล ชมน้ำพุ และไฟประดับที่ห้าง Canal City

ช้อปปิ้งชิล ๆ เดินชมน้ำพุที่ห้าง Canel City ที่นี่จะมีเปิดแสดงไฟและน้ำพุทุก 6 โมงเย็น แต่จะมีอีเว้นต์พิเศษเฉพาะช่วง อย่างช่วงที่เราไปเป็นธีม one piece มีการโชว์แสงสีเสียง สุดอลังการที่ใครเป็นแฟนคลับ one piece คงจะชอบมาก ๆ 

ช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่อลังการอยู่ไม่ไกลจากสถานีฮากาตะ ซึ่งย่านฮากาตะถือเป็นย่านธุรกิจที่เฟื่องฟูที่สุดของจังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) ภายในอาคารมีคลองไหลผ่าน และบนเวทีก็มีการจัดงานอีเวนท์สร้างบรรยากาศคึกคักอยู่เสมอ ส่วนโซนช้อปปิ้งก็ครบครันด้วยร้านค้าหลากหลาย ตั้งแต่ร้านของที่ระลึกและร้านสินค้าคุมะมงที่หาซื้อได้ในคิวชูเท่านั้น

อีกฝั่งของห้างที่เดินไปยังย่านยะไตได้

รวมถึงร้านค้าชื่อดังอื่นๆ ที่มักเห็นในห้างใหญ่ๆ อย่าง Sanrio, Uniqlo ไปจนถึงร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ หากท้องเริ่มร้องสามารถแวะไปที่ Ramen Stadium ซึ่งรวบรวมเอาร้านฮากาตะราเม็งชื่อดังมาไว้ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีโรงหนัง สวนสนุก และโรงแรมคอยให้บริการอย่างพร้อมเพรียง ที่สำคัญคือเคาน์เตอร์คืนภาษี (Tax-free Counter) และเครื่องแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอัตโนมัติ (Automatic currency exchange machine) ซึ่งจะคอยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่


การเดินทาง : อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฮากาตะ(Hakata)ด้วยการเดินประมาณ 10 นาทีเท่านั้นเอง

พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/UTgb7AoXoCZY5yoy5

6.ย่านยะไต ร้านรถเข็นหนึ่งเดียวในญี่ปุ่น

ไม่ไกลกันจากห้าง Canal City  เราสามารถเดินเล่นไปยังบริเวณ ยะไต (Yatai) ริมคลองนาคาสึ หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า Nakasu Ichome ร้านยะไตหรือที่เราเข้าใจกันง่าย ๆ คือ ร้านแผงลอย เป็นร้านรถเข็น มาตั้งเรียงรายต้อนรับลูกค้ากัน ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นย่านร้านยะไตที่ยังคงหลงเหลือในญี่ปุ่น ในปัจจุบันหาชมไม่ค่อยได้แล้ว

แต่ละร้านก็จะมีการขายอาหารท้องถิ่น เช่น ฮากาตะราเมน (Hakata Ramen) ที่มีจุดกำเนิดที่เมืองนี้ จุดเด่นเลยก็คือ การใช้เส้นเมนที่มีขนาดเล็กกว่าราเมนในภูมิภาคอื่นๆ และตัวเส้นจะค่อนข้างแข็งกว่า แต่บางร้านเราก็สามารถรีเควสระดับความนุ่มของเส้นได้นะ ไฮไลท์ความอร่อยอยู่ที่น้ำซุปสีขาวขุ่น ที่ทำมาจากกระดูกหมูที่เคี่ยวมาอย่างยาวนาน และมีท้อปปิ้งหลักคือหมูย่างชาชู ต้นหอม ฯลฯ ราคาโดยทั่วไปประมาณ 500 – 700 เยน 

นอกจากนี้ก็มีเมนูปิ้งย่าง ไก่ย่างเสียบไม้ และที่ห้ามพลาดเลยก็คือ เมนไทโกะ เป็นเมนูที่แทบทุกร้านต้องมี เพราะเมนไทโกะมีต้นกำเนิดที่คิวชูนี่ล่ะค่ะ

การเดินทาง : อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฮากาตะ(Hakata)ด้วยการเดินประมาณ 15 นาทีเท่านั้นเอง

พิกัดจาก Google maphttps://goo.gl/maps/4en39zDgRLE67adz9

7.แวะเช็กอิน และชมไฟประดับที่สถานีรถไฟฮากาตะ 

ศูนย์กลางรถไฟสถานีใหญ่ของฟุกุโอกะต้องที่นี่เลย สถานีฮากาตะ​ (Hakata station) ที่เป็นจุดศูนย์รวมของการคมนาคมมีรถไฟชินคันเซนจอดและยังมีห้างต่าง ๆ มีร้านอาหารอร่อย ๆ หลากหลายร้าน ศูนย์รวมของฝากก็มีที่นี่ และในช่วงเทศกาลแห่งความสุขก็มีการประดับไฟสุดอลังการ มีตลาดคริสต์มาส ที่ให้หนุ่มสาววัยรุ่น และครอบครัวมาสนุกกัน ซึ่งจัดเป็นประจำทุก ๆ ปี แค่เห็นแสงสีก็มีความสุขแล้ว

โซนหน้าสถานี มีลานต้นคริสต์มาส และตลาดคริสต์มาสด้วย
ซุ้มไฟ ใหญ่อลังการมาก ๆ
แวะเก็บภาพเป็นที่ระลึกนิดนึงค่ะ

จอ LCD ขนาดใหญ่ ประดับไฟฟรุ้งฟริ้ง
ขอไปอยู่บนจอบ้าง
ทางเดินบนชั้น 2 ของสถานีก็ประดับไฟด้วยนะ

8.Angel post ตู้ไปรษณีย์ต้องน่ารักเบอร์นี้เลยเหรอ

ใกล้ ๆ กันกับสถานีรถไฟ Hakata ก็มีห้าง KITTE  สาขา Hakata ซึ่งอดีตเคยเป็นที่ทำการไปรษณีย์ แต่ปัจจุบันได้ผันตัวมาเป็นห้างสรรพสินค้าและมีตู้ไปรษณีย์นางฟ้า  Angle post รูปหัวใจสีชมพู มีคิวปิดสีทองอยู่ด้านบนเป็นกิมมิค

ติดตั้งในปี 2016 พร้อมห้าง KITTE ที่เปิดตัวขึ้น โดยคาดว่าจะเป็นสื่อกลางที่ส่งความรัก ความคิดถึงและความปรารถนาดีไปกับจดหมายโดยมีคิวปิดเป็นสื่อกลาง … มีธีมด้วยนะคะเนี่ย ไม่ธรรมดาเลยโน๊ะ และยังคงสามารถส่งจดหมายได้จริง ๆ ความน่ารักคือมีช่องหย่อนจดหมายใส่ตู้สำหรับเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ด้วยค่ะ เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบส่งโปสการ์ด หรือ จดหมายแนะนำเลยค่ะ

เกร็ดความรู้เพิ่มเติม :

โดยห้าง KITTE สมัยก่อนเคยเป็นที่ทำการไปรษณีย์ แต่เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2016 ที่ผ่านมา ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นห้างที่บริหารงานโดย ไปรษณีย์แห่งญี่ปุ่นที่เปิดเป็นสาขาที่ 2 ต่อจากห้าง KITTE Tokyo ที่สถานีโตเกียวค่ะ โดยห้าง KITTE ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 สาขา ก็คือ โตเกียว ฮากาตะ และ นาโกย่า สาขาที่ใหญ่ที่สุดคือ สาขาฮากาตะนั่นเองค่ะ
ใครมาสถานีฮากาตะ ที่จังหวัดฟุกุโอกะ อย่าลืมแวะมาแชะภาพเป็นที่ระลึกกันนะคะ
การเดินทาง: ลงรถไฟที่สถานี Hakata ทางออก west
พิกัดจาก google mapshttps://goo.gl/maps/ykHoAPJWg3V9YyV68

9.รวมดาว ฮากาตะราเมน ที่สายกินต้องแวะ

บริเวณ สถานีรถไฟก็มีแหล่งรวมร้านราเมนฮากาตะหลากหลายร้านไว้เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่เวลาน้อย และไม่อยากเดินหาของกินที่ไกลจากสถานี ก็ลองแวะมาลองราเมนฮากาตะกันได้ที่นี่ะค่ะ ตั้งอยู่บริเวณ Hikari Square ชั้น 2 อย่างราเมนที่เราไปชิมกันมาก็เป็นราเมนเผ็ดค่ะ Hakata Karamen สามารถอ่านรีวิวได้ ที่นี่ ค่ะ

รวมดาวร้านราเมนไว้ 12 ร้านด้วยกัน

ชมคลิปได้ที่นี่

 

ราเมนเผ็ดระดับ 10 ที่ร้าน Hakata Karamen อยู่ชั้นสอง Hikari Square

10.แฟนคลับคิตตี้ห้ามพลาด Hello Kitty Shinkansen store

นอกจากนี้ก็ยังร้านค้า ร้านของฝากอีกมากมายโดยเฉพาะใครเป็นแฟนคลับของ Hello Kitty บอกเลยว่าห้ามพลาดค่ะเพราะที่นี่มีช้อป Hello Kitty Shinkansen เฉพาะด้วยนะคะ สินค้าที่วางจำหน่ายก็จะเป็นแบบเอ็กคลูซีฟ สินค้าลิมิเต็ดเฉพาะที่จำหน่ายที่ร้านนี้เท่านั้น มีไอเทมHello Kitty และชินคันเซนน่ารัก ๆ หลายอย่าง ตั้งแต่ของใช้ เครื่องเขียน เสื้อผ้าต่าง ๆ ของฝากพวงกุญแจน่ารัก ๆ รวมไปถึงอาหารและขนมด้วย

หน้าร้าน พอเห็นปุ๊บ แฟนคลับรู้เลยจ้า
ตู้ถ่ายสติ๊กเกอร์ลาย Hello Kitty Shinkansen ก็มีด้วยค่ะ
ของแน่นมาก ลิมิเต็ดทั้งนั้นเลย

11.il FORNO del MIGNON ร้านครัวซองต์ต้องแวะ หน้าสถานีรถไฟ ฮากาตะ

เป็นร้านครัวซองต์ที่หลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลอง ตั้งอยู่บริเวณหน้าสถานีรถไฟ ฮากาตะ ร้านมี 2 ฝั่งให้เราไปซื้อกัน ด้านซ้ายคือซื้อกลับบ้าน ด้านขวาคือ ซื้อแล้วกินกันได้เลยทันที มีหลากหลายรสชาติให้ลิ้มลอง ตั้งแต่เมนไทโกะ, ช็อกโกแลต, ส้ม, อัลมอนด์ หรือ รสชาติธรรมดาฯลฯ ร้านนี้เป็นแบบชั่งกิโลนะคะ ซึ่งราคาไม่แพงเลยราคาก็ขึ้นอยู่กับรสชาติที่เราเลือกคิดที่ 100 กรัมจ้า

พิกัดจาก Google map :https://goo.gl/maps/GdY6CGEtb6fEdFP59

12.หม้อไฟซุปไก่คอลลาเจน Mizutaki เมนูยอดฮิตของสาว ๆ กินแล้วผิวสวย (เค้าว่างั้น)

หม้อไฟซุปไก่บ้านจิโดริ ที่มีชื่อว่า Mizutaki เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมในหมู่สาว ๆ เพราะในน้ำซุปจะเต็มไปด้วยคอลลาเจน ที่เชื่อว่ากินแล้วจะสวย (เค้าว่ากันมาแบบนั้น) โดยเมนูนี้เป็นเมนูที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนที่ฟุกุโอกะ 

ชมคลิปได้ที่นี่

 

คอร์สเริ่มต้นที่ 3,000 เยนต่อคน เป็นหม้อไฟซุปไก่ ที่มีความหอมละมุน เนื้อไก่นุ่มมาก ซดซุปร้อน ๆ โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวคือ ดีงาม เดินตากลมชมวิวได้อย่างไม่สะท้านทรวงเลยค่ะ วิธีการกิน ตอนแรกพนักงานจะเสิร์ฟซุปมาให้เราซดก่อน และจากนั้นก็ตักเนื้อไก่ที่อยู่ในหม้อพร้อมผักมากิน โดยจะมีซอสพอนสึ หรือซอสเปรี้ยวใส่ลงไปในชาม หากใครต้องการความเผ็ดนิด ๆ ก็เติม ยูสุโคโช หรือพริกไทยยูสุ ที่เป็นไอเทมชื่อดังของเกาะคิวชูลงไปด้วยก็จะได้ทั้งความเผ็ดนิด ๆ และหอมยูสุหน่อย ๆ อร่อยไปอีกแบบค่ะ

อย่าลืมชิมเมนู พุดดิ้งของทางร้านอร่อยมาก ไม่หวานอย่างที่คิด เนื้อพุดดิ้ง เด้ง นุ่ม ฟิน ละลายในปากเลยค่ะ เคล็ดลับความอร่อยก็คือ เหยาะเกลือลงไปนิดนึง แล้วลองชิมดู จะเปลี่ยนพุดดิ้งแบบเดิม ๆ ให้อร่อยยิ่งขึ้น 

รสชาติของหม้อไฟซุปไก่ อาจจะละม้ายคล้ายคลึงกับ ซุปไก่แบบอย่างไทย แต่ความ เข้มข้น นุ่ม ชุ่มคอก็คือ คอลลาเจนที่ทางร้านเติมลงไปในซุปด้วย กินช่วงอากาศหน้าวคือดีงามมาก เนื้อไก่นุ่มละลายในปาก  ยิ่งใครชอบซุปเปรี้ยวหน่อย ๆ แนะนำให้เติมซอสพอนสึลงไปแล้วซดตาม โอ้โห เมนูซุปไก่ฟักมะนาวดองก็มาค่ะ หุหุ 

เกร็ดความรู้เพิ่มเติม : ความแตกต่างระหว่างเมนูแบบหม้อในสไตล์ญี่ปุ่นก็คือ 

นาเบะ หรือ หม้อไฟ จะเป็นการนำวัตถุดิบทุกอย่างใส่ลงในหม้อแล้วต้มพร้อมกัน 

ชาบู ชาบู เป็นการน้ำเนื้อสัตว์ไปจุ่มในหม้อซุปแล้วค่อยนำมารับประทาน

สุกี้ยากี้ เป็นการนำเนื้อสัตว์ไปผัดกับหอม และ มัน หรือเนย(บางร้านก็ไม่ใส่เนย) ก่อนที่จะเติมซุปลงไป

 

เว็บไซต์​: https://www.hanamidori.net/store/archives/7

การเดินทาง : จากสถานี hakata ทางออก West แล้วเดินต่อไปอีก 350 เมตรก็จะถึงร้าน

พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/vp1QyWyqfQkActUz6

13.แวะขอพรเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้ ที่ศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu Shrine

ถนนคนเดิน Dazaifu

ศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu Shrine เป็นศาลเจ้าแบบชินโตสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ Sugawara Michizane เป็นนักวิชาการและการเมือง และเขายังเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ”เทพเจ้าแห่งการเรียนรู้” หรือ”เทพเท็นจิน และที่นี่ก็มีตำนานเกี่ยวกับต้นบ๊วยบิน ที่ตั้งอยู่หน้าศาลเจ้า โดยต้นบ๊วยที่ว่านี้เป็นต้นบ๊วยของท่าน Sugawara ที่สมัยอยู่ที่เกียวโต แต่จู่ ๆ วันหนึ่งต้นบ๊วยก็บินมาอยู่ที่หน้าศาลเจ้านี้เอง แบบที่ไม่มีใครรู้ว่ามาได้อย่างไร เลยเรียกต้นบ๊วยนี้ว่า “ต้นบ๊วยบิน” นั่นเองค่ะ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็เป็นจุดชมดอกไม้ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งเช่นกัน

ก่อนเข้าถึงตัวศาลเจ้า
ต้นบ๊วยบิน อยู่ด้านขวาของภาพ
ต้นบ๊วยบิน ยามที่ไม่มีดอกไม้

ก่อนจะเข้าถึงตัวอาคารหลักของศาลเจ้าเราจะเห็นสะพานโค้งสีแดงที่ยาวต่อ ๆ กัน โดยมีความเชื่อว่า เป็นสะพานที่ข้ามจากอดีต ปัจจุบัน และไปถึงอนาคต ที่แวดล้อมไปด้วยบึงน้ำและต้นการบูรที่ใหญ่มาก ๆ คาดเดาจากสายตาเชื่อว่ามีอายุกว่า 100 ปีขึ้นแน่ ๆ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ห้ามพลาดแวะมาขอพรกันค่ะ

เสาหินโทริอิ และสะพานแดง

สะพานโค้งสีแดง ที่มีความเชื่อว่า อดีต ปัจจุบัน อนาคต
รากต้นไม้ที่โผล่ขึ้นมาจากดิน ก็มีการซ่อมแซมปิดช่องว่างโดยการนำแผ่นไม้มาเติมให้เต็ม
ต้นไม้ใหญ่แค่ไหน เทียบได้กับตัวคน

Honden เป็นอาคารหลักของศาลเจ้าเป็นบริเวณที่มีคนมาขอพรที่นี่เยอะมากๆ โดยเฉพาะนักเรียนในช่วงเปิดการศึกษาใหม่หรือช่วงสอบเข้า เพราะคนญี่ปุ่นมีความเชื่อที่ว่าจะช่วยให้การเรียนประสบความสำเร็จ หรือสอบเข้าได้นั่นเอง ใครอยากแวะมาขอพรแนะนำที่นี่เลยค่ะ 

ผู้คนต่างก็แวะเวียนเข้ามาสักการะขอพรกัน
ศาลเจ้า Dazaifu

นอกจากนี้ศาลเจ้า  Tenmangu ก็จะมีรูปปั้นวัวตั้งอยู่ตามจุดต่าง ๆ ที่ใครมาเยือนบอกเลยว่าต้องห้ามพลาด เพราะเค้าเชื่อว่า ใครได้ลูบหัววัว จะประสบความสำเร็จในการศึกษาค่ะ 

ลูบจนเงาวับกันเลยทีเดียว

ใครเป็นสายเครื่องรางก็จัดกันได้เลยค่ะ มีให้เลือกหลายชนิดตามความต้องการของแต่ละบุคคล

การเดินทาง : นั่งรถไฟ subway มาลง สถานี Dazaifu แล้วเดินต่อ

พิกัดจาก Google maphttps://goo.gl/maps/Uxk59VJ3UvhtroE9A 

14.Starbuck สาขา Dazaifu

ไหน ๆ ก็มาเยือน Dazaifu แล้วอีกพิกัดหนึ่งที่ห้ามพลาดเลยก็คือ ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกันที่มีสาขามากมายในประเทศญี่ปุ่น นั่นก็คือร้านสตาร์บักส์ ที่สาขานี้ เป็นสาขาที่สวยติดอันดับ 1 ใน 20 ของโลกเลยค่ะ เพราะมีการตกแต่งที่โดดเด่นจากการแต่งร้านด้วยท่อนไม้ 2,000 พันท่อน มีรูปร่างแปลกตาที่ออกแบบโดย Kuma Kengo สถาปนิกชื่อดังของญี่ปุ่น ซึ่งมีบ้านเกิดที่คิวชูนั่นเองก็เลยดีไซน์สตาร์บักส์ที่สาขานี้ค่ะ  ใครได้ไปเยือน Dazaifu แล้วต้องแวะถ่ายรูปเช็กอิน บอกเลยว่าห้ามพลาดเลยค่ะ

ดาวขาวเขียว
โดดเด่นด้วยการตกแต่งด้วยไม้
อย่าลืมแวะมาเช็กอินกันนะคะ

การเดินทาง : นั่งรถไฟ subway มาลง สถานี Dazaifu แล้วเดินต่อ

พิกัดจาก Google maphttps://goo.gl/maps/k29LVwC5FBbh2gz87

 

15.ของอร่อยห้ามพลาด โมจิย่าง รูปดอกบ๊วย แห่ง Dazaifu

ระหว่างถนนช้อปปิ้งที่จะเข้าสู่ตัวศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu เราจะได้เห็นร้านค้าต่าง ๆ 2 ข้างทางที่จำหน่ายสินค้าท้องถิ่น ขนมท้องถิ่นอย่างโมจิย่าง ที่เป็นไอเทมที่ใครมาเยือนที่นี่ต้องลอง ตัวโมจิแป้งเนื้อบางที่ย่างร้อน ๆ พร้อมพิมพ์เป็นรูปดอกบ๊วย สัญลักษณ์ของ Dazaifu ด้านในสอดไส้ถั่วแดงมาด้วย ความพิเศษของโมจินี้ก็คือ ตัวเนื้อแป้งบางและนุ่มมาก มีความกรอบนิด ๆ ด้านนอกเพราะย่างมาสด ๆ  ไส้ถั่วแดงที่สอดไส้มาหวานกลมกล่อมกำลังดี กินตอนร้อน ๆ คือฟินมากมาย ใครไม่ชอบหวานก็กินได้เพราะไม่ได้หวานจนเกินไป กินคู่กับชาเขียวร้อน หรือ กาแฟดำ ตัดรสชาติได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ 

มีความบ๊วย เห็นกันไหมเอ่ย
ตัวแป้งอร่อยมาก ๆ ไม่หนา กรอบนอกนุ่มด้านใน ไส้ถั่วแดงอร่อยกลมกล่อมเลยค่ะ
ทำกันสด ๆ ย่างกันสด ๆ แบบครัวเปิด สะอาดมั่นใจได้
ป้ายรณรงค์โควิด 19

16.ไอเทมท้องถิ่นต้นตำรับเมนไทโกะ ต้อง FUKUYA เท่านั้น

ถนนเส้นนี้ยังมีร้านที่จำหน่ายไอเทมเกี่ยวกับ ไข่ปลาเมนไทโกะด้วยนะ ถ้าพูดถึงเมนไทโกะต้องที่ฟุกุโอกะเท่านั้น เพราะมีต้นกำเนิดที่นี่ค่ะ เลยกลายมาเป็นไอเทมท้องถิ่นชื่อดังของฟุกุโอกะเค้าเลย ไม่ว่าจะไปทางไหนเราก็มักจะเห็นอาหาร ขนมต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยเมนไทโกะเป็นส่วนประกอบ แต่มีร้านต้นตำรับที่มีชื่อว่า Fukuya โดยผู้ที่คิดค้นริเริ่มทำ “ไข่ปลาเมนไทโกะ” เป็นคนแรก ความดีงามก็คือร้านนี้ไม่ได้คิดค้นและเก็บสูตรไว้คนเดียวนะคะ เจ้าของสูตรใจดีมาก ๆ ยังส่งต่อองค์ความรู้ที่ตนเองคิดค้นได้ สอนต่อให้แก่คนอื่นๆ เพื่อนำไปประกอบอาชีพได้อีกด้วย โดยมีเจตนารมย์ที่ว่า สอนวิธีทำให้ส่วนใครมีความสามารถอะไรก็นำไปประยุกต์และต่อยอดกันเอาเอง ถึงแม้ว่าคนที่สอนไปจะไปเปิดร้านขายสินค้าประเภทเดียวกันหรือเป็นคู่แข่งก็ตาม สุดยอดไปเลยค่ะ 

FUKUYA ร้านต้นตำรับ เจ้าแรกที่ทำเมนไทโกะ

ลองซื้อทูน่าเมนไทโกะมาลอง ก็โอเคเลยนะคะ รสชาติมีให้เลือกหลายแบบตามที่เราต้องการใส่สปาเก็ตตี้ก็ได้ ใส่ขนมปังก็ได้ ทำยำก็ได้ ฯลฯ แล้วแต่จะรังสรรเมนูเลยค่ะ ร้านนี้มีหลายสาขานะคะ ที่สถานีรถไฟ Hakata ก็มีด้วยค่ะ

พิกัดจาก​ Google map: https://goo.gl/maps/fNPPtSyGamTiNtnP7

 

17.อิจิรันราเมน ราเมนข้อสอบ สำหรับคนโชคดีในการเรียน

ไหน ๆ ก็มาเยือนถิ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องขอพรในการเรียนกันแล้ว เราก็ต้องมาหาอะไรที่เป็นโชคในการเรียนกันบ้าง โดยบริเวณใกล้ ๆ กันกับสถานี Dazaifu มีร้านอิจิรันราเมน สาขา Sando หรือราเมนข้อสอบที่เรารู้จักกันด้วยค่ะ ซึ่งร้านสาขานี้มีความพิเศษอยู่นิดนึงที่ว่า ชามใส่ราเมนเป็นแบบ 5 เหลี่ยม ที่เค้ามีความเชื่อกันว่าใครได้กินแล้วจะโชคดีในการเรียน จะสอบได้ สอบผ่าน ชนิดที่ว่าไปขอพรจากศาลเจ้าแห่งการเรียนมาแล้ว ก็ออกมากินราเมนชาม 5 เหลี่ยมต่อแล้วทุกอย่างจะสำเร็จ เป็นความสุขทางใจอ่ะเนอะ แต่ถ้าไม่พยายาม ไม่อ่านหนังสือทบทวน ยังไง๊ ยังไง ก็ไม่ผ่านนะคะ ฮึบ ๆ เป็นกำลังใจให้คนกำลังมีเป้าหมายในการสอบแข่งขัน สอบผ่านทุกคนเลยนะ

 

การเดินทาง : อยู่ติดกับสถานีรถไฟ Dazaifu เลยค่ะ

พิกัดจาก Google maphttps://goo.gl/maps/wRnLV9kwxUwwcX5r6

18.Strawberry picking Amaou (Lionらいおん果実)

เก็บผลไม้สดจากต้น ลิ้มรสสตอเบอร์รีหวานฉ่ำหนึ่งในกิจกรรมที่คนรักสตรอเบอร์รีต้องห้ามพลาดถ้ามีโอกาสมาเยือนที่จังหวัดฟุกุโอกะแล้วล่ะก็ขอแนะนำฟาร์มนี้เลยจ้า เก็บสตรอเบอร์รี่กินไม่อั้นที่ ไลออนฟาร์ม (Lion farm,らいおん果実) เป็นหนึ่งในฟาร์มที่เก็บสตรอเบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น  เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2003 ใช้เวลา 60 นาที เก็บสตรอเบอร์รี่ในฟาร์มแบบกินไม่อั้น คนละ 1,900 เยน แต่ถ้าจะนำกลับบ้านจะเป็นการชั่งน้ำหนัก 100 กรัม 250 เยน (ราคาจะขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงเวลาไม่เท่ากัน) ช่วงที่พวกเรามากันนั้นมีสตรอเบอร์รี่ทั้งหมด 8 สายพันธุ์ที่กำลังออกผลให้ชิมค่ะ ไม่ว่าจะเป็น

 

ชมคลิปได้ที่นี่

1.Benihoppe – fukuoka ชื่อสายพันธุ์มีความหมายว่า “แก้มแดง”

2.AMAOU – fukuoka ตัวท็อปของจังหวัดฟุกุโอกะ สายพันธุ์ที่ตั้งชื่อตามลักษณะเด่นคือสีแดง, ลูกกลม, รสชาติดี, ลูกใหญ่ และอร่อย

3.Raion Ichigo – เป็นสายพันธุ์ของฟาร์มเอง

4.Korino

5.Akihime

6.Ookimi

7.Saga ho noka – Saka

8.Koiminori – กินเป็นคู่จะสมหวังในความรัก

วิธีการเก็บสตรอเบอร์รี่ที่แนะนำโดยเจ้าของฟาร์ม อย่างที่เรารู้กันว่าสตรอเบอร์รี่ตัวท็อปก็คือ AMAOU ทางเจ้าของฟาร์มก็อยากจะให้ชิม AMAOU เป็นอย่างสุดท้ายเพราะอยากให้ชิมสายพันธุ์อื่น ๆ ก่อน ชิมความหวาน ความเปรี้ยว ความชุ่มน้ำ แล้วมาตบท้ายที่ AMAOU จะได้รับรู้ว่าสตรอเบอร์รี่สายพันธุ์ไหนอร่อยที่สุด สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเข้ามาเก็บสตรอเบอร์รี่นั้นอยู่ในช่วงเดือน ธันวาคม – เดือนพฤษภาคมค่ะ

** ช่วงเวลาที่พวกเราไป  23 ธันวาคม 2020

เว็บไซต์Lionfarm

การเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Chikushi ใช้เวลา 25 นาที จากนั้นโดยสารรถแท็กซี่ต่อไปอีก 10 นาที

พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/6gYofCxCVuWTtWnh6

19.ชิมข้าวหน้าปลาไหล สุดอร่อยแห่ง Yanagawa 

ข้าวหน้าปลาไหลจากร้านที่มีชื่อว่า Unagi Daitou ซึ่งเป็นร้านที่มีอาหารเสิร์ฟและมีบริการล่องเรือด้วยโดยสามารถกินอาหารภายในร้านที่ตั้งอยู่เลียบคลอง เราก็จะได้เห็นเรือที่ล่องผ่านไปมาได้ หรือจะซื้อคอร์สที่นั่งรับประทานอาหารบนเรือก็ได้ด้วยเช่นกัน แต่วันนี้พวกเราเลือกรับประทานที่ร้านให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วค่อยไปล่องเรือภายหลังค่ะ

ภายในร้านมีที่นั่งทั้งแบบเก้าอี้ และแบบเสื่อสามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยค่ะ เมนูที่แนะนำเลยก็คือ ข้าวหน้าปลาไหล ที่ปลาผ่านการย่างและนำมานึ่งวางลงบนข้าวที่คลุกซอสปรุงรสมาแล้วให้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อม โรยท็อปปิ้งด้วยไข่ทอดสไลด์บาง ๆ ข้อดีของเมนูนี้ก็คือ ปลาจะมีความนุ่มเนื้อปลาจะละมุน แต่ยังคงความหอมจากการที่ผ่านการย่างมแล้ว ส่วนเม็ดข้าวเรียงสวย ปรุงรสมาอย่างกลมกล่อม มีความเหนียวนุ่มกำลังดี กินคู่กับซุปใสก็อร่อยฟินมาก ๆ ค่ะ

สำหรับคนที่ไม่กินปลาไหลก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะที่ร้านนี้ก็มีเมนูอื่น ๆ บริการด้วยเช่นกัน เช่น หมูผัดขิง, ข้าวหน้าแกงกะหรี่, ข้าวหน้าหมูทอดทงคตสึ เป็นต้น ข้าวหน้าปลาไหลราคาเริ่มต้นที่ 2,400 เยนค่ะ 

ชมคลิปรีวิวได้ที่นี่ :

20. ล่องเรือในคูน้ำเก่าแก่ เวนิสของฟุกุโอกะ

กินข้าวเสร็จแล้วเราก็ไปล่องเรือในคูน้ำเก่าแก่ที่กล่าวขานกันว่า เป็น เวนิสของฟุกุโอกะ ที่วิวรอบข้างนอกจากจะเห็นบ้านเรือนชีวิตความเป็นอยู่ของชาว Yanagawa แล้วเรายังได้เห็นธรรมชาติที่แวดล้อมอยู่ด้วย ต้นหลิวสองข้างทาง ต้นไม้ เรือ และคลอง มีสะพานเล็ก สะพานน้อย ที่ปัจจุบันยังคงใช้งานอยู่จริง

การล่องเรือคอร์สนี้ระยะเวลา 30 นาทีนะคะ ความสนุกของการล่องเรือคือ คนพายเรือจะคอยเอนเตอร์เทนให้กับพวกเรา เรือจะลัดเลาะไปรอบ ๆ ผ่านทางแคบ กิ่งไม้ต่าง ๆ รวมถึงสะพานที่แคบมาก ๆ ที่ผู้โดยสารเรือต้องคอยหมอบหลบต่ำเพื่อให้ผ่านไปได้

ไฮไลท์ก็คือตรงจุดสะพานที่ต่ำที่สุดที่คนพายเรือไม่สามารถหมอบลงได้ ตรงจุดนั้นเอง เป็นไฮไลท์ที่ว่า คนพายเรือต้องกระโดดขึ้นไปบนสะพาน แล้วรอให้เรือลอดใต้สะพานมาได้จึงกระโดดกลับลงมาที่เรือ เคยแต่ได้ยินเมนูอาหาร พระกระโดดกำแพง แต่ครั้งนี้เราจะได้เจอ คนพายเรือกระโดดสะพานค่ะ 

นอกจากจะพายเรือเก่ง กระโดดเก่ง หลบเก่งแล้ว คนพายเรือยังร้องเพลงได้เพราะอีกด้วยนะคะ ใครอยากมีประสบการณ์แบบนี้แนะนำขอให้มาลองค่ะ ส่วนใครที่กังวลเรื่องการแพร่กระจายของไวรัสโควิด 19 บอกเลยว่าไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะก่อนลงเรือมีการเช็กแล้วเช็กอีก ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ก่อนทุกคนค่ะ  ค่าล่องเรือ ผู้ใหญ่ 1,560 เยน + คอร์ส 30 นาที 830 เยน, เด็ก  830 เยน +คอร์ส 30 นาที 420 เยน

เนื่องจากร้านอาหารและบริการเรือเป็นบริษัทเดียวกันนะคะ ทางบริษัทมีหลายคอร์สแนะนำ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดและจองผ่านทางหน้าเว็บไซต์ด้านล่างได้เลยค่ะ

เว็บไซต์https://daitoenterprise.com/daito_menu

พิกัดจาก Google map: https://goo.gl/maps/2Agw3F4t34LriVzz9

ติดตามพวกเราได้ที่

Facebook  Youtube  Instagram  Twitter

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.