10 เรื่องเล่าเข้าซาลอนที่ญี่ปุ่น

เป็นอีกหนึ่งในประสบการณ์ที่ถือว่าท้าทายสำหรับเจ้ในการอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นนั่นก็คือ การเข้าซาลอนที่ญี่ปุ่น เพราะนอกจากจะจ่ายค่าทำผมที่แพงแล้ว เราต้องมาลุ้นกันอีกค่ะว่า เราจะได้ทรงผมอย่างที่เราต้องการด้วยไหมต้องไปดูกัน หุหุ บทความนี้หวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับสาว ๆ ที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วอยากจะมีประสบการณ์เข้าร้านเสริมสวยในญี่ปุ่น ก็มาลองอ่านประดับเป็นความรู้เบื้องต้นกันก่อนได้นะคะ

นอกจากการสื่อสารที่ต้องใช้ทักษะทั้งภาษาพูดและภาษากายด้วยแล้วอีกหนึ่งความกังวลใจของผู้ใช้บริการก็คือ “ราคา” ซึ่งร้านทำผมที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะแสดงราคาค่าเสียหายให้ผู้เข้าใช้บริการได้รับรู้ก่อนเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว โดยมากเราสามารถดูราคาคร่าว ๆ ก่อนล่วงหน้าได้จากหน้าเว็บไซต์ของร้าน หรือจากป้ายหน้าร้านก็มีแจกแจงค่าเสียหายเอาไว้ค่ะ จุดนี้คือดี ถ้ารับได้กับราคาพอใจจะใช้บริการก็เข้าใช้บริการ แต่ถ้าไม่พอใจราคาแรงเกินไปก็เปลี่ยนร้านใหม่เลือกจนกว่าเราจะพอใจเน๊อะ ..เอาล่ะค่ะถ้าเราเลือกร้านได้แล้วเราก็ไปดูกันว่ามีอะไรที่เราควรต้องรู้กันบ้าง ..ลุยจ้ะ

1⃣ อยากเข้าซาลอนที่ญี่ปุ่น เราจะเดิน walk in สวยๆ เข้าร้านไม่ได้ ต้องจองล่วงหน้าก่อนเข้าร้านเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วก็อาจจะมีบางร้านที่ไม่ต้องจองคิวล่วงหน้าแต่มีน้อยมากเพราะส่วนใหญ่สไตล์ลิสต์จะมีการลงเวลาทำงานไว้ล่วงหน้า เพื่อความไม่พลาดจองไว้ก่อนดีกว่านะจ๊ะ

2⃣ ถึงแม้ว่าพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ก็เข้าซาลอนที่ญี่ปุ่นได้นะ เพียงแต่ต้องมีตัวช่วยดี ๆ เช่น ภาพตัวอย่างสไตล์ผมที่ต้องการ , ใช้โปรแกรมแปลภาษาช่วย หรือไม่ก็เลือกร้านที่มีคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ ส่วนใหญ่อยู่ตามแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวเยอะเช่น ชิบุย่า, ฮาราจุกุ

3⃣ สไตล์ลิสต์จะทำผมตามคำสั่งเท่านั้น ถึงแม้เราจะขอความคิดเห็นแต่สุดท้ายแล้วสไตล์ลิสต์จะฟังการตัดสินใจของเราเป็นหลัก และยิ่งเราเป็นคนต่างชาติ ต่างภาษาแล้ว สไตล์ลิสต์ยิ่งต้องระวัง และคอนเฟิร์มเพื่อให้เข้าใจกันอย่างถูกต้องพร้อมแจ้งราคา ค่าเสียหายให้เราทราบก่อนการลงมือทำ แต่เจ้ก็เคยเจอกรณีที่ผมเราเสียมาก ๆ สไตล์ลิสต์ไม่ยอมทำผมให้ บอกให้เราไปดูแลรักษาสภาพเส้นผมให้แข็งแรงก่อนค่อยมาดัด มาทำสี ครั้งนี้จะทำทรีตเม้นต์ไปให้ก่อนนะ จะให้ตัดทิ้งนางก็ไม่ยอมด้วย บอกว่าแก้ปัญหาที่ต้นเหตุดีกว่าปลายเหตุ โอ้ว! คุณธรรมล้ำเลิศแบบนี้ก็มีด้วยนะจ๊ะ

4⃣ บรรยากาศภายในร้านเราจะถูกปรนนิบัติคล้ายกับเจ้าหญิง มีเจ้าหน้าที่มารับเสื้อโค้ท (ช่วงหน้าหนาว) และเก็บกระเป๋าสัมภาระของเราให้ตั้งแต่เคาน์เตอร์รับลูกค้าหน้าประตูร้าน และพาไปนั่งที่โต๊ะพร้อมยื่นเมนูเครื่องดื่มมาให้เลือก บางร้านยื่น ipad ให้พร้อมกับแนะนำวิธีการอ่าน e-book ส่วนบางร้านไม่ลงทุน ipad ก็จะนำหนังสือแมกกาซีนต่าง ๆ มาให้อ่านฆ่าเวลา ใครใส่ต่างหูมาก็ถอดใส่ถ้วย ใส่ถาด หรือบางร้านก็มีถุงซิปล็อกให้ ใครใส่แว่นมาก็ถอดแว่นออก ทางร้านจะมีกล่องใส่แว่นมาเตรียมไว้ให้พร้อมด้วยณ.จุดนี้

5⃣ ไม่ว่าจะทำขั้นตอนอันใดกับศรีษะของเรา ทางสไตล์ลิสต์จะบอกกล่าวก่อนทุกครั้ง บางครั้งก็บอกละเอียดลงไปอีกว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ สตาฟจะคอยเดินมาดู มาสอดส่องอากัปกิริยาของเราว่าร้อนไหม แสบไหม คันไหม อยู่ตลอดเวลา

6⃣ ช่วงเวลาแห่งการสระผม เป็นช่วงเวลาที่หลับได้ ก็หลับไปเลยค่ะ เพราะทุกครั้งที่นอนเตียงสระผม จะมีกระดาษทิชชูแผ่นบาง ๆ มาปิดหน้าเราตลอด มีเพลงเค้าคลอ ไฟสลัว ๆ น่านอนสุด ๆ ช่างจะคอยสาธายายว่ากำลังจะทำอะไรบนศรีษะเราบ้าง เช่น กำลังจะสระ, จะใส่ครีมนวดแล้วนะ , เจ็บไหม, คันตรงไหนไหม, ผ้าร้อนไปไหม, น้ำร้อนไปไหม ฯลฯ แต่จะไม่มีเกาแบบใช้เล็บขูดแกรก ๆ นะคะ ส่วนใหญ่จะใช้นิ้วนวด หรือ ใช้นิ้วขยี้เบา ๆ เท่านั้น

7⃣ หลังจากการสระผมเสร็จแล้ว จะมีบริการนวดบ่า คอ ไหล่ สำหรับคนที่อยากเข้าร้านนวดไทยใจจะขาด บอกเลยว่าฟินมากค่ะเพราะร้านนวดไทยที่นี่ค่อนข้างแพงเอาการอยู่เน๊อะ ได้บริการแถมมาจากซาลอนฟินลืม ช่วงนี้หากจะขอเข้าห้องน้ำก็สามารถนะคะ ในห้องน้ำที่ซาลอนคือดีงามมากมาย มีไอเทมเติมสวยไว้บริการสุดฤทธิ์ เช่น น้ำตาเทียม, กระดาษซับมัน, คัตตอนบัด, น้ำยาบ้วนปาก, ผ้าอนมัย, สเปรย์ระงับกลิ่นกาย ฯลฯ บางร้านมีอุปกรณ์แต่งหน้ามาวางไว้ให้เลยจ้า

8⃣ สไตล์ลิสต์จะทำการสอนในการเป่าผมให้แห้งการตั้งมือจับไดร์ควรตั้งแบบไหน รวมถึงการเซ็ตผมด้วย เพราะคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเซ็ตผมเอง แต่งผมกันเอง ยกเว้นโอกาสสำคัญจริง ๆ จึงจะเข้าร้านซาลอนให้ช่วยเซ็ตผมให้ แม้แต่ถามถึงการตัดผมหน้าม้าช่างบางคนก็สอนตัดด้วยนะคะ เพราะการตัดผมหน้าม้าที่ญี่ปุ่นแต่ละทีค่าตัดแพงมากจริง ๆ ครั้งละ 1,000 เยน หรือ 300 บาท หัดตัดเองเล็มเอง คุ้มกว่าค่ะ Know how แบบนี้จึงถือว่าเป็นบริการจากทางร้านที่มอบให้แก่ลูกค้าเลยล่ะค่ะ …จริง ๆ ร้านที่ไทยก็มีแบบนี้แล้วนะ (ใครเคยมาตัดหน้าม้าที่ญี่ปุ่น บอกเลยว่าต้องติดใจกันทุกคน เทคนิคเค้าดีมากเวอร์จริง ๆ บางร้านมีดัดหน้าม้าด้วยนะคะ ค่าดัด 3,000- 3,500 เยน ม้าไม่แตก ม้าเป็นทรง โค้งเข้าที่ดูดีมากมายค่ะ)

9⃣ เมื่อสวยเสร็จแล้วก็เดินไปจ่ายเงินได้จ้า ไม่ต้องมีทิปส์ใด ๆ เพราะญี่ปุ่นบริการทุกคนตามมาตรฐานจ้า ในจังหวะนี้ สตาฟจะทำการคืนเสื้อและกระเป๋าที่เราฝากไว้ตั้งแต่แรก ให้เราจนครบ พร้อมยืนโค้งส่งเราที่หน้าร้าน เราก็มีหน้าที่เพียงแค่รีบเดินให้พ้นจากสายตาก็เป็นพอ

🔟 กรณีที่ดัดผม ถ้ากลับบ้านมาแล้ว 3 – 4 วัน ลอนผมที่เราดัดไปกับไม่มีลอน หรือลอนหาย เราก็สามารถกลับไปที่ร้านแล้วแจ้งกับช่างได้เลย ทางร้านจะทำการซ่อมลอนให้เราใหม่ ฟรีจ้ะ

จองร้านทำผมได้จากเว็บไซต์ : beauty.hotpepper เว็บนี้ดีมีคูปองส่วนลดที่ทางร้านทำรายการกับเว็บ และยังเก็บพ้อยท์สะสมไว้ใช้เป็นส่วนลดเงินสดได้ในครั้งหน้าได้อีก

 

ชี้เป้า.. ร้านที่เจ้ไปลองแล้วประทับใจ โดยเฉพาะใครที่ชอบยืดวอลลุ่ม บางครั้งก็เรียกว่า ยืดโคนดัดปลาย ในภาษาญี่ปุ่นมักจะเรียกการทำผมสไตล์นี้ว่า “Digital straight perm” (デジタルストレートパーマ) ราคาอาจจะแรงสักหน่อยถ้าเทียบกับเมืองไทย และก็ถือว่าราคาแพงที่สุดในบรรดารายการทำผมในญี่ปุ่น แต่สำหรับคนที่อยู่ญี่ปุ่นถ้าไม่ได้กลับเมืองไทยก็ต้องทำใจอ่ะเน๊อะ เพื่อความสวยคงต้องยอมค่ะ!  (ไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ แต่ไปทำมาเองแล้วรู้สึกว่าโอเค เผื่อเป็นไอเดียให้กับคนที่อยากไปทำเหมือนกัน)

 

1. Apish Ginza ร้านนี้อยู่ที่ Ginza ในโตเกียว ร้านชื่อว่า  Apish ร้านนี้เค้าดังเรื่องการยืดผมเลยล่ะค่ะ เว็บไซต์ของร้าน Apish Ginza

 

2. Amie by Afloat Urawa ร้านนี้อยู่ที่ Urawa ในไซตามะ เผื่อว่าชาวไซตามะอยากทำสวยใกล้ๆ ไม่ต้องเข้าโตเกียว ร้านนี้ก็ดีงาม เว็บไซต์ของร้าน Amie-Afloat

 

ติดตามพวกเราได้ที่

Facebook  Youtube  Instagram

 

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.